วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560

เกาะช้าง

    เกาะช้าง

ประวัติ เกาะช้าง
สำหรับ อุทยานแห่งชาติหมู่ เกาะช้าง หรือที่นิยมเรียกกันจนติดปากว่า เกาะช้าง นั้นตั้งอยู่ในเขตแหลมงอบ จังหวัดตราด และเป็นจังหวัดชายแดนภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยเกาะช้างนับว่าเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 ในทะเลอ่าวไทย และเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศรองลงมาจากเกาะภูเก็ต มีพื้นที่รวม 268,125 ไร่ จากลักษณะการเรียงตัวกันของบรรดาหมู่เกาะน้อยใหญ่รวมกว่า 52 เกาะ มีลักษณะคล้ายกับรูปโขลงช้างเดินเรียงตัวกัน จึงเป็นสาเหตุให้เรียกหมู่เกาะแห่งนี้ว่า เกาะช้าง โดยลักษณะส่วนใหญ่ของเกาะช้างมีภูมิประเทศที่เป็นเขาสูง มีผาหินสลับซับซ้อน มียอดเขาที่สูงที่สุด คือ ยอดเขาสลักเพชร อีกทั้ง เกาะช้าง ยังมีสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์ และเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะเป็นป่าดิบเขาทำให้เกิดเป็นน้ำตกหลายสาย
โดยในช่วงฤดูที่เป็นต้นฝนปลายร้อนแบบนี้ อากาศก็เหมาะเป็นอย่างมากในการเดินทางไปตากลมชมวิวไกลสุดลูกหูลูกตาที่ทะเล ซึมซับบรรยากาศดีๆ ผ่อนคลายสมองด้วยการมองดูน้ำทะเลใสๆ รับลมทะเลกันสักหน่อยก็น่าจะฟินไม่น้อยอยู่เหมือนกัน สนุก! ท่องเที่ยว เลยขอแนะนำ “ เกาะช้าง ” สถานที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขที่จะทำให้คุณสุขใจสุดๆ ที่ได้มา
ชายหาด
ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมายัง เกาะช้าง ได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่ถือว่าเป็นฤดูการท่องเที่ยวของที่นี่คงหนีไม่พ้นช่วงหน้าร้อน โดยสำหรับที่นี่แล้วถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูร้อนแต่อากาศบนเกาะจะไม่ร้อนมาก เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบชื้น มีภูเขาสูง เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารหลายสาย รวมถึงน้ำตกต่างๆ ที่อยู่บนเกาะ ส่วนพื้นที่ราบบริเวณเชิงเขาจะเป็นพื้นที่สำหรับการปลูกยางพาราและผลไม้ของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะ อาทิ สับปะรด แตงโม ทุเรียน เป็นต้น อีกทั้งยังมี 8 หมู่บ้าน ได้แแก่ สลักเพชร สลักคอก เจ้กแบ้ บ้านด่านใหม่ คลองสน คลองพร้าว คลองนนทรี และบ้านบางเบ้า มีสถาที่ราชการ อำเภอ สถานีตำรวจ โรงพยาบาล และเป็นที่ตั้งอุทยานฯหมู่ เกาะช้าง พื้นที่บางส่วนก็ยังเป็นสถานที่พักแรม ร้านอาหาร ตลอดจนสถานบันเทิงต่างๆ ไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอีกด้วย

อุทยานแห่งชาติเกาะช้าง
การมาเที่ยวที่ เกาะช้าง มีกิจกรรมให้เลือกหลากหลายแล้วแต่ความชอบจะเป็นว่ายน้ำเล่นที่ชายหาด เที่ยวน้ำตก ปีนเขา เดินป่า ขี่ช้าง ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ล่องเรือ ตกปลา ไดหมึก หรือจะไปดำน้ำดูปะการังท่ามกลางฝูงปลาน้อยใหญ่สีสันสวยงามแปลกตาตามหมู่เกาะรังหรือเกาะหวาย ที่นี่น้ำทะเลสวยใสมากทำให้เห็นปลาและปะการังได้อย่างชัดเจน เพียงแค่นำเรือมาจอดตรงจุดดำน้ำเหล่าปลาสลิดหินลายก็ออกมาต้อนรับกันอย่างคับคั่งสามารถมองเห็นได้แม้อยู่บนเรือเป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้สำหรับแขกผู้มาเยือนเป็นอย่างมาก และเมื่อได้ดำน้ำลงไปก็สามารถเห็นปลาอีกหลากหลายชนิด เช่น ปลานกแก้ว ปลาปักเป้าลูกไก่ ปลาการ์ตูนอินเดียแดง ดอกไม้ทะเล หอยเม่น ปลิงทะเล ฯลฯ ดูเหมือนว่าเรากำลังว่ายน้ำอยู่ในตู้ปลาขนาดใหญ่

ชายหาดเกาะช้าง
การเดินทางไปเกาะช้าง
มาที่จังหวัดตราดนั้นประมาณ 300 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร ระหว่างทางนักท่องเที่ยวสามารถแวะพักดื่มกาแฟที่ร้านหลวงปู่กาแฟสด L.P Coffee ร้านสวยบรรยากาศดี มีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายเมนู อยู่ระหว่างทางจากระยองมุ่งสู่จังหวัดจันทบุรี ร้านอยู่ติดทางหลวงหมายเลข 3 ฝั่งตรงข้ามทางแยกเข้าร้านตำนานป่า มีป้ายบอกชื่อร้านอย่างเด่นชัด เมื่อพักหายเหนื่อยแล้วก็ขับรถมุ่งตรงมายังจังหวัดตราด มาที่แหลมงอบ ที่นี่มีท่าเรือเฟอร์รี่ให้ลงได้ 2 จุด คือ ท่าเรือ เกาะช้าง เฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติและท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์เฟอร์รี่ สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลข้ามไปได้ ถนนบนเกาะลาดยางสะดวกสบาย แต่มีเพียงบางช่วงที่ทางค่อนข้างลาดชันจึงควรขับรถด้วยความระมัดระวัง ที่สำคัญบนเกาะนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
สถานที่เที่ยวใน เกาะช้าง
แต่สำหรับใครที่เดินทางมาถึง เกาะช้าง แล้ว แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะเดินทางไปเที่ยวที่ไหนบนเกาะดี เราก็ได้นำเอาสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ ชิคๆ มาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้เดินทางไปเยือนกัน
1. หาดคลองพร้าว
หาดคลองพร้าวตั้งอยู่ทางด้านตะวันของ เกาะช้าง อยู่ถัดมาจากหาดทรายขาวประมาณ 4 กิโลเมตร ลักษณะของหาดคลองพร้าวเริ่มต้นจากแหลมไชยเชษฐ์ยาวไปจนถึงหาดไก่แบ้ ชายหาดมีบรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยทิวมะพร้าว บริเวณริมหาดเรียงรายไปด้วยรีสอร์ทและร้านอาหารที่เปิดให้บริการ แต่ไม่อดอัดมา นับว่ายังคงรักษาความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัวเอาไว้ดีพอสมควร เหมาะมากที่จะเดินทางมาพักผ่อน ลุยทราย เล่นน้ำทะเลใส หรืออาจจะชวนเพื่อนๆ มาเล่นกีฬาริมหาดก็เก๋ไม่เบาอยู่เหมือนกันนะ
2. หาดไก่แบ้
หาดไก่แบ้ตั้งอยู่ถัดห่างจากท่าเรืออ่าวสับปะรดประมาณ 15 กิโลเมตร มีขนาดเล็กกว่าและอยู่ถัดไปจากหาดคลองพร้าว เป็นสถานที่ยอดนิยมในการมาชมพระอาทิตย์ตกน้ำ ซึ่งจุดชมวิวจะอยู่ทางทิศตะวันตก สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกสีสันสวยงามได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสามารถมองเห็นความสวยงามของเกาะมันใน เกาะมันนอก เกาะปลี และเกาะหยวกได้อีกด้วย ดังนั้นหากใครที่ต้องการเวลาพักผ่อนอันแสนเงียบสงบ มีชายหาดที่สามารถลงเล่นน้ำได้ หรืออยากจะนอนอาบแดดสบายๆ หาดไก่แบ้ก็ถือว่าสามารถตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดได้อย่างลงตัว
3. หาดท่าน้ำ
หาดท่าน้ำ หรือ Lonely Beach มีลักษณะเป็นอ่าวขนาดใหญ่ มีหาดทรายยาวไปจนสุดแหลมท่าน้ำ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายทุกรูปแบบ มาอิงแอบนั่งฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง มองบรรยากาศชายทะเลที่ยาวสุดลูกหูลูกตา หรือจะลงเล่นน้ำทะเลสีฟ้าใสให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำก็ดูจะเข้าที ที่นี่ ให้บรรยากาศความเป็นส่วนตัวในแบบที่หาที่ไหนไม่ได้ อีกทั้งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็มักจะเดินทางมาชมพระอาทิตย์ตกน้ำกันได้บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ เรียกได้ว่าเหมาะเป็นอยากมากหากใครจะมาพักผ่อนในวันหยุดยาว และใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนเดินทางกันที่หาดท่าน้ำ 
4. อนุสรณ์ยุทธนาวี
อนุสรณ์สถานยุทธนาวีเป็นสถานที่เที่ยวชมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่า ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ เกาะช้าง ใกล้อ่าวสลักเพชร ซึ่งเป็นบริเวณที่เกิดการสู้รบระหว่างไทยกับฝรั่งเศสกรณีพิพาททางเขตแดนด้านตะวันออก โดยในอดีตฝ่ายไทยนั้นสามารถขับไล่ข้าศึกให้ล่าถอยไปได้ แต่ต้องสูญเสียเรือรบหลวง 3 ลำ คือ เรือรบหลวงสงขลา เรือรบหลวงชลบุรี และเรือรบหลวงธนบุรี อีกทั้งยังได้สูญเสียทหารพลประจำเรือถึง 36 นาย บริเวณภายในเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หันพระพักตร์ไปยังบริเวณยุทธนาวี เกาะช้าง ด้านล่างของอนุสาวรีย์ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับเรือรบจำลอง เพื่อระลึกถึงเรื่องราวการสู้รบระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือฝรั่งเศส อีกทั้งในวันที่ 17 มกราคมของทุกปี กองทัพเรือยังถือเป็นวันทำบุญประจำปีเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ทหารเรือไทยที่ได้สละชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ปกปองแผ่นดินไทย สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และเป็นที่เคารพสักการะของคนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยว
5. น้ำตกธารมะยม
น้ำตกธารมะยมตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่ เกาะช้าง มีเส้นทางเดินเข้าไปยังน้ำตกไม่ลำบากมากนัก ซึ่งนับว่าเป็นความพิเศษของที่นี่ น้ำตกธารมะยม เป็นน้ำตกขนาดกลาง 4 ชั้น มีลักษณะเป็นธารน้ำไหลผ่านลงมาเป็นชั้นๆ ตามร่องหินแกรนิตสีดำ บริเวณโดยรอบเป็นป่าดงดิบ อีกทั้งมีหน้าผาสูงชันจนเกือบตั้งฉาก อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การมาตั้งแคมป์ เล่นน้ำตก และเดินป่าเป็นอย่างยิ่ง บริเวณชั้นที่ 1 ของน้ำตกจะมีแอ่งน้ำด้านหน้าที่ไม่สูงมากนัก น้ำตกชั้นที่ 2 จะอยู่สูงขึ้นไปเล็กน้อย ส่วนชั้นที่ 3 และ 4 มีระยะทางค่อนข้างไกล เดินทางลำบาก ซึ่งทางอุทยานได้จัดทำเป็นเส้นทางเดินป่าระยะไกลสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะเดินป่า รวมถึงต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วยเพื่อความปลอดภัย
6. บ้านช้างไทย
บ้านช้างไทยเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนรักช้างจะต้องชื่นชอบ อยากให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับการชมวิวบนหลังช้างที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งที่บ้านช้างยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เราได้ลองทำ อาทิ กิจกรรมขี่ช้างชมไพร หรือการอาบน้ำให้ช้าง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโชว์การแสดงความสามารถพิเศษของช้างน้อย อย่าง การระบายสี เต้นระบำ หรือการนวด รับรองได้ว่าใครที่ได้เดินทางมาที่นี่จะต้องได้ความประทับใจ พร้อมกับรูปถ่ายกลับไปเต็มกระเป๋าอย่างแน่นอน
แนะนำ ที่พักบน เกาะช้าง
ที่ เกาะช้าง ไม่ได้ขึ้นชื่อแค่เพียงสถานที่ท่องเที่ยวนั้น แต่ยังมีที่พักสุดเก๋ไก๋ บรรยากาศดีไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายัง เกาะช้าง บางแห่งอยู่ใกล้น้ำตก บางแห่งอยู่ใกล้ชายหาด ก็สามารถเลือกกันได้ว่าแต่ละคนมีความชอบแบบไหน แต่แน่นอนเมื่อพูดถึงแล้วต้องไม่ได้มามือเปล่า เราได้เสาะหาที่พักบน เกาะช้าง เล็กๆ น้อยๆ มาฝากกันด้วย เอาไว้สำหรับเป็นตัวเลือกในการท่องเที่ยวครั้งต่อไป เผื่อว่าครั้งอยากจะค้างแรมบน เกาะช้าง

โรงแรมบ้านปู เกาะช้าง
(โรงแรมบ้านปู)
โรงแรมบ้านปู
เริ่มต้นกันด้วยที่พักบน เกาะช้าง สุดแสนเรียบง่าย แต่บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ กับ โรงแรมบ้านปู เป็นสถานที่พักผ่อนที่มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ อบอวนไปด้วยความเป็นส่วนตัว ผสมผสานกับความเป็นธรรมชาติบนบริเวณพื้นที่หาดทรายขาวที่นับว่าเป็นจุดที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของ เกาะช้าง มีการตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้พื้นเมืองของจังหวัดตราด ห้องพักทุกห้องมีลักษณะเป็นบ้าน ภายในตกแต่งด้วความเป็นพื้นเมือง ผสมผสานกับความเป็นสมัยใหม่ ที่ใครที่มีโอกาสเดินทางมาที่ เกาะช้าง ก็อย่าลืมลองแวะมาพักที่นี่กัน

รามายานา เกาะช้าง รีสอร์ท แอนด์ สปา
(รามายานา เกาะช้าง รีสอร์ท แอนด์ สปา)
รามายานา เกาะช้าง รีสอร์ท แอนด์ สปา
มาต่อกันด้วยที่พักใจกลางธรรมชาติบน เกาะช้าง ซึ่งโอบล้อมไปด้วยทิวเขาและพันธุ์ไม้อันเขียวขจีบนหาดคลองพร้าว อย่าง รามายานา เกาะช้าง รีสอร์ท แอนด์ สปา มีการออกแบบและตกแต่งบริเวณโดยรอบในสไตล์โอเร็ลตัลร่วมสมัยที่มีความหรูหรา กว้างขวาง โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากมหากาพย์วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ บนพื้นที่ 17 ไร่ มีห้องพักไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวกว่า 65 ห้อง ซึ่งห้องพักแต่ละห้องได้มีการนำชื่อของตัวละคร รวมถึงสถานที่สำคัญๆ ในเรื่องมาเป็นชื่อประจำห้อง อีกทั้งยังมีสไตล์การตกแต่งที่เฉพาะตัวในแต่ละห้องอีกด้วย เรียกได้ว่าเมื่อนักท่องเที่ยวตัดสินใจเดินทางมาที่นี่ยังไงก็ไม่ผิดหวังแน่นอน

โคโคนัท บีช รีสอร์ท เกาะช้าง
(โคโคนัท บีช รีสอร์ท)
โคโคนัท บีช รีสอร์ท เกาะช้าง
มาต่อกันด้วยที่พักแห่งสุดท้ายที่เรานำมาฝาก เรียกได้ว่าแปลกแต่น่าไปหย่อนตัวลงบนเตียงสุดๆ กับ โคโคนัท บีช รีสอร์ท นับว่าเป็นสถานที่พักแห่งใหม่บน เกาะช้าง ตั้งอยู่หาดคลองพร้าว โดยเขากล่าวกันว่าเป็นที่พักที่รวมความแตกต่างของบังกะโลเอาไว้มากที่สุด ส่วนด้านหลังก็ได้มีการสร้างเป็น โรงแรมโคโคนัท บีช รีสอร์ท ซึ่งเปิดได้ไม่นาน มีการตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้เมืองร้อนเอาไว้ในสวนดูร่มรื่น อีกทั้งยังมีมุมติดวิวทะเล ป่าฝนบนภูเขาที่อยู่ด้านหลังดูสวยงาม บรรยากาศดีเอามากๆ ส่วนห้องพักก็มีความสวยงาม มีการตกแต่งในรูปแบบไทยแท้ พร้อมพรั่งไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผู้เดินทางมาพักต้องการ นับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่นักท่องเที่ยวคนไหนเมื่อเดินทางมายัง เกาะช้าง ต้องลองมาสัมผัสให้ได้สักครั้ง ไม่งั้นจะเสียใจนะ !
ขอบคุณรูปภาพที่พัก: www.agoda.com
-----
นี่ยังเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยของสถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยานแห่งชาติหมู่ เกาะช้าง หรือว่า เกาะช้าง ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังอยากจะมาสัมผัสความเป็นธรรมชาติ ป่าสวย น้ำใส บรรยากาศร่มรื่น และเงียบสงบเลย แล้วทำไมคนไทยถึงไม่เดินทางมาดูให้เห็นด้วยตาล่ะว่าความสวยงามอย่างที่คนอื่นว่านั้นเป็นอย่างไร แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าธรรมชาติเหล่านี้กว่าจะเติบโต เข้าที่เข้าทาง สวยงาม หาดูได้ยากอย่างทุกวันนี้ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ร้อยกี่พันปีกว่าจะสำเร็จ เพราะฉะนั้นมาแล้วก็อย่าลืมช่วยกันรักษาธรรมชาติ อย่าเพิ่งทำลายความสวยงามจนไม่เหลือเก็บเอาไว้ให้ลูกหลานรุ่นต่อไปได้ดู คราวนี้เราก็มีคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางมาที่ เกาะช้าง เผื่อว่าใครอยากมาแต่ไม่รู้ว่าจะเดินทางมาอย่างไรดี

การเดินทางไปเกาะช้าง
การเดินทางไป เกาะช้าง
โดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปสู่จังหวัดตราดสามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ
1.      ใช้เส้นทางสายบางนา - ตราด (ทางหลวงหมายเลข 3) ผ่าน ชลบุรี - ระยอง - จันทบุรี ไปจนถึงจังหวัดตราด ระยะทางประมาณ 385 กม.
2.      ใช้เส้นทางหลวงมอเตอร์เวย์ สู่บ้านบึงแล้วใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 344 (บ้านบึง - แกลง) เมื่อถึงแกลงเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทาง หลวงหมายเลข 3 (ถ.สุขุมวิท) ผ่าน อ.ขลุง จ.จันทบุรี แล้วข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเวฬุ เข้าสู่เขต จ.ตราด ที่ ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง ระยะทางประมาณ 315 กม. ซึ่งเส้นทางนี้จะสะดวกและรวดเร็วกว่าเส้นทางแรก
*** หากไม่ต้องการเข้าสู่ตัวเมืองตราด ท่านสามารถที่จะเลี้ยวขวา บริเวณแยกเขาสมิง (แยกแสนตุ้ง) หลังจากข้ามสะพานเวฬุแล้ว เพื่อไปยังท่าเรือเฟอร์รี่ได้เลย
รถโดยสารประจำทาง
มีบริการเดินรถทั้งที่สถานีหมอชิตและสถานีเอกมัย สอบถามตารางเดินรถได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส.
ท่าเรือข้ามไปยัง เกาะช้าง
1

ตราด

ตราด

ตราด เป็นจังหวัดชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันออกของประเทศไทย มีเนื้อที่ 2,819 ตารางกิโลเมตร ติดต่อกับจังหวัดจันทบุรีและประเทศกัมพูชา
ตราดนับเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงปลายอยุธยา สินค้าที่ส่งออกขายยังแดนไกล โดยเฉพาะของป่า เช่น เขากวาง หนังสัตว์ ไม้หอม และเครื่องเทศต่าง ๆ ล้วนมาจากเขตป่าเขาชายฝั่งทะเลตะวันออก แถบระยอง จันทบุรี ตราด โดยลำเลียงสินค้าผ่านมาตามแม่น้ำเขาสมิง ออกสู่ปากอ่าวตราด
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด[แก้]
คำขวัญประจำจังหวัด : เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา
ตราประจำจังหวัด : รูปเรือใบแล่นในทะเลกับโป๊ะของชาวประมง เบื้องหลังเป็นเกาะช้าง หมายถึง จังหวัดตราดมีเกาะเป็นจำนวนมาก และเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปคือเกาะช้าง การที่มีพื้นที่ติดกับทะเล ราษฎรจึงยึดถือการประมงเป็นอาชีพหลักมาแต่โบราณ (เดิมจังหวัดตราดใช้ตราประจำจังหวัดเป็นรูปเรือรบหลวงตราด)
ต้นไม้ประจำจังหวัด : หูกวาง (Terminalia catappa)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกกฤษณาชนิด (Aquilaria subintegra)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลากะรังจุดฟ้าจุดเล็กหรือปลาย่ำสวาท (Plectropomus leopardus)
อาณาเขตติดต่อ[แก้]
ทิศเหนือ ติดด่อกับอำเภอสำลูต จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา และอำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอมณฑลเสมา จังหวัดเกาะกง และจังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา
ทิศใต้ ติดต่อกับชายฝั่งทะเลทางอ่าวไทย
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี
ประวัติศาสตร์[แก้]
ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่า เมืองตราดมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างไร แต่เท่าที่ค้นพบใน สมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (ปีพ.ศ. 1991-2031) ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้มีการปรับปรุงเป็น บ้านเมือง ครั้งใหญ่ขึ้น โดยจัดแบ่งการ บริหารราชการแผ่นดิน ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ส่วนกลางประกอบไปด้วย ฝ่ายทหาร และ พลเรือน ส่วนภูมิภาคแบ่งเมืองต่างๆ ออกเป็น หัวเมืองเอก หัวเมืองโทหัวเมืองตรี และหัวเมืองจัตวางตามลำดับอย่างไร ก็ตามในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ก็ไม่ปรากฏชื่อของเมืองตราด แต่อย่างใดเพียงแต่บอกว่า"หัวเมืองชายทะเลหรือ บรรดาหัวเมืองชายทะเล" เท่านั้นต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ปรากฏว่า บรรดาหัวเมืองชายทะเลแถบตะวันออกนั้นเรียกแต่เพียงว่า"บ้านบางพระ" ในตอนปลายของกรุงศรีอยุธยา ได้ปรากฏหลักฐานในพระราชพงศาวดารว่าบรรดาเสนาบดีจัตุสดมภ์ทั้งหลาย ได้พากันแบ่งหัวเมือง ต่างๆ ให้ไปขึ้นกับสมุหนายก สมุหพระกลาโหมและโกษาธิบดี ทำการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศ ทางทะเล หลักฐานอีกทางหนึ่งเชื่อว่าคำว่า"ตราด" นี้อาจจะมีชื่อเรียกเพี้ยนมาจาก "กราด" อันเป็นชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่งสำหรับใช้ทำไม้กวาด ซึ่งในสมัยก่อน ต้นไม้ชนิดนี้มักจะมีมากทั่วเมืองตราดจากหลักฐานต่างๆดังกล่าวมาแล้วนี่ เองจึงทำให้ชื่อว่า "เมืองตราด" เป็นเมืองที่มีชื่อเรียกกันมาอย่างนี้กว่า 300 ปีมาแล้ว และ เป็นเมืองสำคัญซึ่งขึ้นอยู่กับฝ่ายการคลังของประเทศมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททองแล้ว จนกระทั่งก่อนจะเสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าตากสินได้รวบรวมกำลังทหาร จำนวนหนึ่ง ตีฝ่าวงล้อม ของพม่าหนีออกจากกรุงศรีอยุธยา เดินทางไปรวมตัวกัน ทางทิศตะวันออก โดยยกทัพไปถึงเมืองตราดซึ่งปรากฏในพงศาวดารว่า" ...หลังจากพระเจ้าตากสิน ตีเมือง จันทบุรีได้แล้ว เมื่อวันอาทิตย์เดือน7ปีกุนพ.ศ. 2310ก็ได้เกลี้ยกล่อม ผู้คนให้กลับ คืน มายังภูมิลำเนาเดิม... "ครั้นเห็นว่าเมืองจันทบุรีเรียบร้อยอย่างเดิมแล้ว จึงยกกองทัพเรือ ไปยังเมืองตราด พวกกรมการและราษฎรก็พากันเกรงกลัวยอมอ่อนน้อม โดยดี ทั่วทั้งเมือง และขณะนั้นมีสำเภาจีน มาทอดอยู่ที่ปากน้ำเมืองตราดหลายลำ พระเจ้าตากให้ไปเรียกนาย เรือมาเฝ้าพวกจีนขัดขืน แล้วกลับยิงเอาข้าหลวง พระเจ้าตากทรงทราบก็ลงเรือที่นั่งคุม เรือรบลงไปล้อมสำเภาไว้แล้ว บอกให้ พวกจีนอ่อนน้อมโดยดีพวกจีนก็หาฟังไม่กลับเอาปืน ใหญ่น้อยระดมยิงรบกันอยู่ครึ่งวัน พระเจ้าตากก็ตีได้เรือสำเภาจีนทั้งหมด ได้ทรัพย์สิ่งของ เป็นกำลังการทัพเป็นอันมาก พระเจ้าตาก จัดการเมืองตราดเรียบร้อยแล้ว ก็กลับขึ้นมาตั้ง อยู่ ณ เมืองจันทบุรี" เหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับเมืองตราด ก็คือ เมื่อปี พ.ศ. 2446 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยได้เสียดินแดน ให้แก่ประเทศฝรั่งเศส เนื่องมาจากการตกลงทำสนธิสัญญา กับฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 (ร.ศ.122) ซึ่งทำให้ไทยจำต้องยกดินแดนจังหวัดตราด และ เกาะต่างๆ ตั้งแต่อำเภอแหลมสิงห์ จ.จันทบุรีไปจนถึงเกาะกูด และเมืองปัจจันตคีรีเขตร หรือ เกาะกง ให้แก่ฝรั่งเศสเพื่อแลกเปลี่ยนให้ฝรั่งเศสถอนกองทหารไปจากจันทบุรี โดยสัญญาฉบับนี้ ได้ ให้สัตยาบันต่อกันและมีผลทำให้กองทหารฝรั่งเศส ถอนออกไปจากเมืองจันทบุรีตามสัญญา เมื่อ 12 มกราคม พ.ศ. 2447[4]





















ตำนานจันทบุรี

ตำนานจันทบุรี


จันทบุรีเป็นเมืองเก่า จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อกันว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นโดยชนชาติ ชอง บางตำนานก็ว่าสร้างโดยชนชาติ ขอม หัวเมืองเดิมตามศิลาจารึกเรียกว่า "ควนคราบุรี" ชาวพื้นเมืองเรียกว่า "เมืองกาไว" ตามชื่อผู้ปกครอง เมืองจันทบุรีเดิมตั้งอยู่บริเวณหน้าเขาสระบาป มีชนพื้นเมืองเดิมอาศัยอยู่เรียกว่า ชาวชอง มีภาษาพูดเป็นภาษาของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากภาษาไทยและภาษาเขมร เจ้าผู้ครองเมืองที่ยิ่งใหญ่ในตำนานคือ พระเจ้าพรหมทัต (พ.ศ. 1349-1399) ครั้นถึงปี พ.ศ. 1800 ได้มีการย้ายถิ่นฐานมาสร้างเมืองใหม่ที่บ้านหัววัง ตำบลพุงทลาย ซึ่งอยู่ใกล ต่อมาปี พ.ศ. 2200 ได้ย้ายมาสร้างเมืองใหม่ที่บ้านลุ่ม อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี ในปี พ.ศ. 2310 หลังจากกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้เข้ายึดเมืองจันทบุรีเพื่อใช้เป็นแหล่งสะสมเสบียงอาหารและรวบรวมกำลังพลในการกอบกู้กรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่า ในคราวนั้นเจ้าเมืองจันทบุรีนามว่าเจ้าขรัวหลาน(ยศเจ้าเมืองจันทบุรีเดิม) ชึ่งราษฎรเลือกขึ้นเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยา โดยหวังว่าพระยาจันทบูร จะช่วยปกป้องรักษาเมืองจันทบุรีให้อยู่รอดสืบต่อไป ได้ต่อต้านกองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เมืองจันทบุรีอยู่รอดเป็นอิสระ รักษาแผ่นดินไว้ให้ชนชาติบูรพา แต่สุดท้ายก็ต้องปราชัยพ่ายแพ้แก่กองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยพระองค์ทรงใช้พญาช้างศึกบุกชนกำแพงเมืองจนสามารถเข้าตีเมืองเอาไว้ได้สำเร็จ เจ้าเมืองจันทบุรีได้หลบภัยไปอาณาจักรกัมพูชาจนถึงแก่อสัญกรรม เมืองจันทบุรีจึงตกเป็นของสยามนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสได้เข้ายึดเมืองจันทบุรีไว้นานถึง 11 ปี[6] เนื่องจากสยามมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง โดยฝรั่งเศสกล่าวหาว่าสยามล่วงล้ำดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศส ส่วนสยามได้อ้างว่าดินแดนดังกล่าวเป็นของสยาม ฝ่ายสยามเห็นว่าจะต่อสู้ทางทหารฝรั่งเศสไม่ได้จึงขอเปิดการเจรจา ทางฝรั่งเศสยื่นคำขาด โดยฝ่ายสยามต้องยอมยกดินแดนที่เป็นข้อพิพาทรวมทั้งเกาะทั้งหมดในลำน้ำโขง พร้อมเงินอีกหนึ่งล้านฟรังก์และสามล้านบาท โดยจนกว่าจะดำเนินการเสร็จฝรังเศสจะยึดเมืองจันทบุรีไว้ก่อน แต่เมื่อทางสยามดำเนินการเสร็จ ฝรั่งเศสไม่ได้ถอนกำลังออก ฝ่ายสยามจึงต้องยอมยกเมืองตราดและเมืองประจันตคีรีเขตร์ (เกาะกง) เพื่อแลกกับเมืองจันทบุรี และอีกหนึ่งปีต่อมาสยามยอมยกเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ เพื่อแลกเมืองตราดคืนมา แต่ฝรั่งเศสไม่ได้คืนเมืองประจันตคีรีเขตร์แต่อย่างใด ปัจจุบันเมืองประจันตคีรีเขตร์จึงอยู่ในอาณาเขตประเทศกัมพูชา ต่อมามีการจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล จัดตั้งมณฑลจันทบุรี โดยมีเมืองจันทบุรี ระยอง และตราดอยู่ในเขตการปกครองจนถึงปี พ.ศ. 2476 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย จึงยกเลิกมณฑลเทศาภิบาลและได้จัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินใหม่ โดยแบ่งออกเป็นจังหวัดและอำเภอ ดังนั้นเมืองจันทบุรีจึงมีฐานะเป็นจังหวัดจนถึงปัจจุบันนี้


จันทบุรี

จันทบุรี

       จันทบุรี เป็นจังหวัดทางชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย มีเนื้อที่ 6,388 ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ ภูเขา ที่ราบสูง ที่ราบลุ่มน้ำ และที่ราบชายฝั่งทะเล ในส่วนของพื้นที่ป่าไม้มีประมาณ 3 ใน 10 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด[3] มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดฉะเชิงเทรา และสระแก้วทางทิศเหนือ ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดตราดและประเทศกัมพูชา ทิศใต้ติดกับอ่าวไทย และทิศตะวันตกติดกับจังหวัดระยองและชลบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 245 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดจันทบุรีอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัด[4] โดยอาชีพที่ประชากรในจังหวัดนิยมประกอบอาชีพมากที่สุดคือเกษตรกรรมและประมง[5] และศาสนาที่มีการนับถือมากที่สุดในจังหวัดคือศาสนาพุทธ


       จันทบุรีเป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ก่อตั้งโดยชนชาติชอง จังหวัดจันทบุรีเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ไทยอยู่ 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีใช้จังหวัดจันทบุรีในการรวบรวมไพร่พลและเสบียงอาหาร ครั้งที่ 2 เกิดสงครามอานัมสยามยุทธในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและครั้งที่ 3 ฝรั่งเศสยึดเมืองจันทบุรีเป็นเมืองประกันหลังจากเกิดวิกฤตการณ์ปากน้ำในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยความที่จังหวัดจันทบุรีมีความสำคัญต่อเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์หลายเหตุการณ์และมีความหลากหลายทางภูมิประเทศ ส่งผลให้จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมหลายแห่ง