วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

พยาบาลศาสตร์


การพยาบาล หรือ พยาบาลศาสตร์ (อังกฤษnursing) ตามความหมายที่ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล ได้ให้ไว้ หมายถึง กิจกรรมการช่วยเหลือผู้ป่วย เพื่อให้อยู่ในสภาวะที่จะต่อสู้การรุกรานของโรคได้อย่างดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ทั้งร่างกายและจิตใจ เช่นเดียวกับความหมายของการพยาบาลที่เสนอโดย เวอร์จิเนีย เฮนเดอร์สัน ได้แก่ การพยาบาลคือการช่วยเหลือบุคคล (ทั้งยามปกติและยามป่วยไข้) ในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ หรือส่งเสริมการหายจากโรค (หรือแม้กระทั่งการช่วยให้บุคคลได้ไปสู่ความตายอย่างสงบ) ซึ่งบุคคลอาจจะปฏิบัติได้เองในสภาวะที่มีกำลังกาย กำลังใจ และความรู้เพียงพอ และเป็นการกระทำที่จะช่วยให้บุคคลกลับเข้าสู่สภาวะที่ช่วยตนเองได้โดยไม่ต้องรับการช่วยเหลือนั้น โดยเร็วที่สุด
กิจกรรมสำคัญของการพยาบาลได้แก่
  1. การดูแลให้ความสุขสบาย (care and comfort) ช่วยเหลือบุคคลให้สามารถจัดการกับปัญหาทางสุขภาพและการเจ็บป่วย (health illness continuum) ได้ด้วยตนเอง หน้าที่ของพยาบาลจึงมุ่งที่จะวิเคราะห์ข้อมูลทางการพยาบาล เพื่อให้ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (assesment and diagnosis)
  2. ให้คำแนะนำ คำสอนด้านสุขภาพ (health teaching) เพื่อคงไว้ซึ่งสุขภาพอันดีและส่งเสริมผลการรักษา มุ่งด้านการดูแลตนเอง (self care) ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนของสมาชิกในครอบครัว
  3. ให้คำปรึกษา (counselling) ด้านสุขภาพอนามัยทั้งในภาวะปกติ และขณะที่มีภาวะกดดัน อันเป็นเหตุให้สุขภาพเบี่ยงเบนไปจากปกติ
  4. ให้การดูแลด้านสรีรจิตสังคม (physiopsychosocial intervention) โดยการใช้วิธีการพยาบาลการปฏิบัติ
การพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนามาเป็นลำดับ ตามการเปลี่ยนแปลงความต้องการด้านบริการสุขภาพของประชาชน และตามความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C

ซีรี่ย์เกาหลี The K2

เรื่องย่อ ซีรี่ย์เกาหลี The K2

The K2 ซีรี่ย์เรื่องใหม่จากช่อง tvN แนวแอคชั่นดราม่า ซีรี่ย์เกี่ยวกับความรักชาติ ทหารรับจ้างที่ถูกทอดทิ้งจากประเทศของเขา หลังภารกิจสำเร็จ จึงทำให้เขากลายมาเป็นบอดี้การ์ด และลูกสาวคนผู้ที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ของผู้สมัครประธานาธิบดี เมื่อความรักเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น คู่แข่งคือสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่ไม่อาจต้านทานได้ ซ่อนความทะเยอทะยาน การอยู่เบื้องหลัง แต่ภายนอกที่แสนดี เรื่องราวความรักระหว่างบอดี้การ์ดกับลูกสาวของประธานาธิบดี Kim Je Ha (Ji Chang Wook) เขาเป็นอดีตทหารรับจ้าง ซึ่งเขาถูกเรียกว่า K2 เขาได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้คุ้มกัน Choi Yoo Jin (Song Yoon Ah) เธอเป็นภรรยาของประธานาธิบดีและเป็นลูกสาวของครอบครัวที่ร่ำรวย ในขณะเดียวกันนั่นเอง Go Anna (Im Yoon Ah) เธอคือลูกสาวของประธานาธิบดี เรื่องราวต่างๆ นำพาให้ทั้งสามคนมาเกี่ยวข้องกัน เมื่อภารกิจและความรักเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เขาจะทำมันสำเร็จหรือไม่ และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามได้ที่ ซีรี่ย์เกาหลี The K2
http://www.roomseries.com/k2subthai/

ปีใหม่





พรนี้แด่.พี่ พี่น้องๆและผองเพื่อน……
คนสูงค่า เตือนตน ทุกหนแห่ง
ดาวน้อย ลอยเลื่อนเตือนตน บนฝากฟ้า
ทุกนาที ที่ชีวิต ต้องแสดง
ต้องส่องแสง คุณค่า ราคาคน
งานคือ คุณค่าของคน บนโลกนี้
ทุกชีวี ต้องสร้างสรรค์ ไม่สับสน
งานทุกอย่าง ล้วนลำบาก ต้องอดทน
ต้องฝึกฝน ในวิชา ฝ่าฟันไป
ปีเก่าไป ปีใหม่มา ให้รับรู้
จงยิ้มสู้ เดินทาง อย่าสงสัย
หวังสู่ เป้าหมาย คือเส้นชัย
หวังเพื่อได้ เก็บคุณค่า สง่างาม
2556 ปีใหม่ ให้สมคิด
ขอตั้งจิต อวยพร ทั่วสยาม
ก้าวย่าง สู่ชีวิต ที่ดีงาม
มีแต่ความ สุขใจ ในครอบครัว
ขอขอบคุณ กลอนปีใหม่ โดยคุณ บุญยดา

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559

กีฬา

กีฬาสีปีนี้จัดไม่กี่วันเพราะอยู่ในช่วยโศกเศร้าเสียใจ ถึงจะจัดน้อยแต่ก็สนุกเพราะว่าคนในสีรู้จักความ
สมัคคีในแต่ละสี ในวันที่ 14-15 ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมกีฬาภายในขึ้น และวันที่ 15 มีกีฬาพื้นบ้าน ที่สภานักเรียนได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินงาน 

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ดวงอาทิตย์ 



   ดวงอาทิตย์เป็นส่วนสำคัญที่สุดของระบบสุริยะ  เป็นผู้ดึงดูดให้ดาวเคราะห์ทั้งเก้าดวงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นอยู่และดวงอาทิตย์ยังให้แสงและความร้อนกับดาวเคราะห์นั้นด้วย  ถ้าไม่มีดวงอาทิตย์ระบบสุริยะก็จะมืดมิดและหนาวเย็น  เมื่อผ่าดวงอาทิตย์ออกมาเป็นชิ้นภายในดวงอาทิตย์นั้นไม่ได้แข็งเหมือนโลก  ดวงอาทิตย์เป็นกลุ่มก๊าซดวงใหญ่ที่ลุกเป็นเปลวไฟ  ดวงอาทิตย์ประกอบด้วยก๊าซไฮโดรเจนและฮีเลียม  ดวงอาทิตย์ไม่ได้เผาไหม้ด้วยการเปลี่ยนก๊าซไฮโดรเจนเป็นก๊าซฮีเลียม  ดวงอาทิตย์เป็นสิ่งที่ร้อนที่สุดในรบบสุริยะที่ใจกลาง  ดวงอาทิตย์จะร้อนถึง15 ล้านองศาเซลเซียส  ความร้อนขนาดนี้เพียงก้อนโตเท่าหัวเข็มหมุดก็จะทำให้คนที่ยืนอยู่ห่าง 150 กิโลเมตรตายได้

             ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ศูนย์กลางของระบบสุริยะ เนื้อสารส่วนใหญ่ของระบบสุริยะอยู่ที่ดวงอาทิตย์ คือ มีมากถึง 99.87% เป็นมวลสารดาวเคราะห์รวมกันอย่างน้อยกว่า 0.13% ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับดาวฤกษ์อื่น ๆ บนฟ้า แต่เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกที่สุด จึงปรากฏเป็นวงกลมโต บนฟ้าของโลกเพียงดวงเดียว ดาวฤกษ์อื่นปรากฎเป็นจุดสว่าง เพราะอยู่ไกลมาก ขนาดที่แท้จริงโตกว่าโลกมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบ 109 เท่าของโลก
              ดวงอาทิตย์สร้างพลังงานขึ้นมาเองโดยการเปลี่ยนเนื้อสารเป็นพลังงานตามสมการของไอน์สไตน์ E = mc2 (E คือพลังงาน, m คือ เนื้อสาร, และ c คือ อัตราเร็วของแสงสว่างในอวกาศซึ่งมีค่าประมาณ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที) บริเวณที่เนื้อสารกลายเป็นพลังงาน คือ แกนกลางซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 15 ล้านองศาเซลเซียส ณ แกนกลางของดวงอาทิตย์มีระเบิดไฮโดรเจนจำนวนมาก กำลังระเบิดเป็นปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ ที่ไฮโดรเจนหลอมรวมกันกลายเป็นฮีเลียม ในแต่ละวินาทีไฮโดรเจนจำนวน 4 ล้านตันกลายเป็นพลังงาน ใน 1 ปีดวงอาทิตย์เมื่อเทียบกับมวลสารของดวงอาทิตย์ทั้งหมด 2 x 1027 ตัน หรือ 2,000 ล้านล้านล้านตัน หรือ 332,946 เท่าของโลก
               ที่ผิวของดวงอาทิตย์มีอุณหภูมิประมาณ 5,700 องศาเซลเซียส หรือประมาณ 6,000 เคลวิน ดวงอาทิตย์จึงถูกจัดเป็นดาวฤกษ์สีเหลือง มีอายุประมาณ 5,000 ล้านปี เป็นดาวฤกษ์หลัก อยู่ในช่วงกลางของชีวิต ในอีก 5,000 ล้านปี ดวงอาทตย์จะจบ ชีวิตลงด้วยการขยายตัวแต่จะไม่ระเบิด เพราะแรงโน้มถ่วงมีมากกว่าแรงดัน ในที่สุด ดวงอาทิตย์จะยุบตัวลงอย่างสงบกลายเป็นดาวขนาดเล็ก เรียกว่า ดาวแคระขาว
เว็บไซ http://guru.sanook.com/2829/

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พระราชกรณียกิจในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


พระราชกรณียกิจในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ตลอด 60 ปีภายใต้ร่มฉัตรแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พสกนิกรชาวไทยต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและต่างรู้ซึ้งถึงพระอัจฉริยภาพรอบด้านของพระองค์ โครงการพระราชดำริหลายโครงการนอกจากจะแสดงถึงความห่วงใยของพระองค์ที่ทรงมี ต่อปวงชนชาวไทยแล้ว ยังยืนยันถึงพระปรีชาสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย

โครงการฝนหลวง

ทฤษฎีว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรแหล่งน้ำในบรรยากาศ
ในปี พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงเยี่ยม พสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ย่านบริเวณเทือกเขาภูพานทรงสังเกตว่า มีปริมาณเมฆมากปกคลุมเหนือพื้นที่ระหว่างเส้นทางบิน แต่ไมสามารถรวมตัวจนเกิดเป็นฝนตกได้ ทั้งที่เป็นช่วงฤดูฝน และทรงพบเห็นว่าหลายแห่งประสบปัญหา พื้นดินแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูเพาะปลูก เกษตรกรมักประสบความเดือดร้อนจากภาวะฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง ในระยะวิกฤติของพืชผล ทำให้ผลผลิตต่ำ หรืออาจไม่มีผลผลิตเลย และอาจทำให้ ผลผลิตที่มีอยู่เสียหายได้ จึงเป็นความเดือดร้อนอย่างสาหัส และก่อให้เกิดความสูญเสีย ทางเศรษฐกิจ แก่เกษตรกรอย่างใหญ่หลวง นอกจากนี้ความต้องการใช้น้ำมีมากขึ้น เพราะการขยายตัวทางด้านอุตสาหกรรมเกษตรกรรม และการเพิ่มขึ้นของประชากร ซึ่งมีผลให้ปริมาณน้ำต้นทุนจากทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ ไม่เพียงพอ ซึ่งเห็นได้ชัดจากปริมาณ น้ำในเขื่อนภูมิพลที่ลดลงอย่างน่าตกใจ ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกล และทรงความอัจฉริยะของพระองค์ด้วยคุณลักษณะของนักวิทยาศาสตร์ ทรงสังเกต วิเคราะห์ข้อมูลในขั้นต้น และได้มีพระราชดำริครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2498 แก่หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล ว่าจะทรงค้นหา วิธีการที่จะทำให้เกิดฝนตกนอกเหนือจากที่จะได้รับจากธรรมชาติโดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ กับทรัพยากร ที่มีอยู่ให้เกิดมีศักยภาพของการเป็นฝนให้ได้ "ฝนหลวง" หรือ "ฝนเทียม" จึงกำเนิดขึ้นโดยประยุกต์ผลการวิจัยค้นคว้าทางวิชาการด้านฝนเทียมของประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอิสราเอล

พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงวิเคราะห์การทำฝนหลวงว่ามี 3 ขั้นตอน คือ

ขั้นตอนที่ 1 ก่อกวน เป็นการกระตุ้นให้เมฆรวมตัวเป็นกลุ่มแกน เพื่อใช้เป็น แกนกลางในการสร้างกลุ่มเมฆฝนในระยะต่อมา สารเคมีที่ใช้ ได้แก่ แคลเซียมคลอไรด์ แคลเซียมคาร์ไบด์ แคลเซียมออกไซด์ หรือสารผสมระหว่าง เกลือแกงกับสารยูเรีย หรือสารผสม

ขั้นตอนที่ 2 เลี้ยงให้อ้วน ขั้นตอนนี้ใช้สารเคมี คือ เกลือแกง สารประกอบสูตร ท.1 สารยูเรีย สารแอมโมเนียไนเตรท น้ำแข็งแห้ง และอาจใช้สารแคลเซียมคลอไรด์ร่วมด้วยเพื่อเป็นการเพิ่มแกนเม็ดไอน้ำ (Nuclii) ให้กลุ่มเมฆฝน มีความหนาแน่นมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 3 โจมตี สารเคมีที่ใช้ในขั้นตอนนี้เป็นสารเย็นจัด คือซิลเวอร์ไอโอได น้ำแข็งแห้ง เพื่อทำให้เกิดภาวะความไม่สมดุลมากที่สุด ซึ่งจะเกิดเป็นเม็ดน้ำ ที่มีขนาดใหญ่มาก และตกกลายเป็นฝนในที่สุด อย่างไรก็ดี ทุกขั้นตอนจะต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ในการตัดสินใจที่จะเลือกใช้สารเคมีในปริมาณที่พอเหมาะ


โครงการแก้มลิง กักตุนแล้วระบายน้ำตามแรงโน้มถ่วง

นอกจากปัญหาภัยแล้งแล้ว “น้ำท่วม” ก็เป็นอีกภัยธรรมชาติที่ทำให้น้ำตาไทยเอ่อล้น โครงการแก้มลิง เป็นอีกโครงการที่ช่วยซับความเดือดร้อนของประชาชนชาวไทย ซึ่งดำเนินการโดยระบายน้ำจากตอนบนให้ไปตามคลองในแนวเหนือใต้สู่คลองพักน้ำขนาดใหญ่ที่ชายทะเล เมื่อระดับน้ำในทะเลลดต่ำกว่าในคลองก็ระบายน้ำออกจากคลองทางประตูระบายน้ำด้วยหลักการแรงโน้มถ่วงของโลก

ทั้งนี้โครงการแก้มลิงเปรียบเหมือนการกินกล้วยของลิงซึ่งจะเก็บกล้วยไว้ที่แก้ม ก่อนจะค่อย ๆ นำมาเคี้ยวและกินภายหลัง เมื่อนำมาใช้แก้ปัญหาน้ำท่วมก็ขุดคลองต่างๆ เพื่อชักน้ำมารวมกันไว้เป็นบ่อพักที่เปรียบได้กับแก้มลิง แล้วค่อย ๆ ระบายน้ำลงทะเลเมื่อน้ำทะเลลดลง ผลจากดำเนินการโครงการดังกล่าวจึงช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลซึ่งเป็นที่ลุ่มทำให้ระบายน้ำออกได้ล่าช้า


กังหันน้ำชัยพัฒนา ปั่นน้ำเสียเติมออกซิเจน

กังหันน้ำชัยพัฒนา คือ เครื่องกลเติมอากาศที่เป็นกังหันน้ำแบบทุ่นลอยซึ่งใช้ในการบำบัดน้ำเสีย โดยใช้กังหันวิดน้ำไปบนผิวน้ำแล้วปล่อยให้ตกลงผิวน้ำตามเดิม และน้ำจะถูกสาดกระจายสัมผัสอากาศทำให้ออกซิเจนละลายในน้ำ น้ำเสียจึงมีคุณภาพดีขึ้น สามารถนำไปใช้บำบัดน้ำเสียทั้งจากแหล่งชุมชน อุตสาหกรรมและการเกษตร

ทั้งนี้แนวทางของการพัฒนามาจากสภาพเน่าเสียของแหล่งน้ำต่าง ๆ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระราชดำริว่าจำเป็นต้องบำบัดน้ำเสียด้วยเครื่องกลเติมอากาศ จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาสนับสนุนงบฯ ศึกษาและวิจัยร่วมกับกรมชลประทานผลิตเครื่องต้นแบบขึ้นในปี 2532 จากนั้นก็มีการพัฒนามาอีกหลายรุ่น และในปี 2536 กังหันน้ำชัยพัฒนาก็ได้รับการพิจารณาและทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย กังหันบำบัดน้ำเสีย “สิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย” เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำแก่ปวงชน ด้วยการหมุนปั่นเพื่อเติมอากาศให้น้ำเสียกลายเป็นน้ำดี สามารถประยุกต์ใช้บำบัดน้ำเสียจากการอุปโภคของประชาชน น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งเพิ่มออกซิเจนให้กับบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทางการเกษตร

ทั้งนี้ การเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำจะช่วยให้จุลินทรีย์ย่อยสลายสิ่งสกปรกในน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นกระบวนการทางชีวภาพที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและใช้ค่าใช้จ่ายในการบำบัดน้ำเสียน้อย และแหล่งน้ำเสียที่กระจายไปตามแหล่งต่าง ๆ จึงทำให้ยากแก่การรวบรวมน้ำเสียเพื่อนำไปบำบัดในโรงบำบัดน้ำเสีย และต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง

ตามทฤษฎีเครื่องกลเติมอากาศ นับว่าการเติมอากาศหรือออกซิเจนเป็นหัวใจของระบบบำบัดน้ำเสีย เพราะถ้ามีออกซิเจนอยู่มากจุลินทรีย์ก็สามารถบำบัดน้ำได้ดีและบำบัดน้ำเสียได้มากขึ้น แต่ที่ความดันบรรยากาศซึ่งเป็นความดันที่ค่อนข้างต่ำสำหรับออกซิเจนในการละลายน้ำ จึงต้องมีการเพิ่มพื้นที่สัมผัสระหว่างอากาศกับน้ำให้ได้มากที่สุด

กังหัน น้ำชัยพัฒนา คือสิ่งประดิษฐ์ซึ่งเกิดจากพระปรีชาสามารถและพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว เพื่อการแก้มลพิษทางน้ำซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งสร้างเครื่องต้นแบบได้ครั้งแรกในปี 2532 การประยุกต์ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์เพื่อเติมอากาศให้กับน้ำหรือใช้เพื่อขับ เคลื่อนน้ำได้ โดยการใช้งานทั้งในรูปแบบที่ติดตั้งอยู่กับที่และใช้ในรูปแบบเคลื่อนที่ เพื่อเติมอากาศให้กับแหล่งน้ำขนาดใหญ่ หรือตามคลองส่งน้ำที่มีความยาวมาก ซึ่งดัดแปลงได้ด้วยการใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ของกังหัน

กังหัน น้ำชัยพัฒนา ได้รับสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์2536 หลังจากเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่สนองพระราชดำริใน การพัฒนากังหันน้ำได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ยื่นขอรับสิทธิบัตร เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2535 จึงนับว่าเป็นสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของไทย และครั้งแรกของโลก และถือว่าวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันนักประดิษฐ์” นับแต่นั้นเป็นต้นมา

นอกจากนี้ “กังหันชัยพัฒนา” ยังได้รับรางวัลเหรียญทองจาก The Belgian Chamber of Inventor องค์กรทางด้านนวัตกรรมที่เก่าแก่ของเบลเยียม ภายในงาน “Brussels Eureka 2000” ซึ่งเป็นงานแสดงสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของโลกวิทยาศาสตร์ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

หลักการและวิธีการทำงานของกังหันน้ำชัยพัฒนา

กังหันน้ำชัยพัฒนาเป็นเครื่องกลเติมอากาศแบบทุ่นลอย สามารถปรับตัวขึ้นลงได้ ตามระดับขึ้นลงของผิวน้ำ ในแหล่งน้ำเสีย มีส่วนประกอบสำคัญคือ
1. โครงกังหันน้ำรูป 12 เหลี่ยม
2. ซองบรรจุน้ำติดตั้งโดยรอบ จำนวน 6 ซอง รูซองน้ำพรุนเพื่อให้น้ำไหลกระจายเป็นฝอย
3. ซองน้ำจะถูกขับเคลื่อนให้หมุนโดยรอบด้วยเกียร์มอเตอร์ ซึ่งทำให้การหมุนเคลื่อนที่ของซองน้ำ วิดตักน้ำด้วย ความเร็ว สามารถวิดน้ำลึกลงไปจากใต้ผิวน้ำประมาณ 0.50 เมตร ยกน้ำสาดขึ้นไปกระจายเป็นฝอยเหนือผิวน้ำ ได้สูงถึง 1 เมตร ทำให้มีพื้นที่ผิวสัมผัสระหว่างน้ำกับอากาศมากและส่งผลให้ออกซิเจนสามารถละลายเข้าไปในน้ำได้อย่างรวดเร็ว
4. ในขณะที่น้ำเสียถูกยกขึ้นไปสาดกระจายสัมผัสกับอากาศแล้วตกลงไปยังผิวน้ำนั้น จะก่อให้เกิดฟองอากาศ จมตามลงไปใต้ผิวน้ำด้วย ในขณะที่ซองน้ำกำลังเคลื่อนที่ลงสู่ผิวน้ำแล้วกดลงไปใต้ผิวน้ำนั้น จะเกิดการอัดอากาศภายในซองน้ำ ภายใต้ผิวน้ำ จนกระทั่งซองน้ำจมน้ำเต็มที่ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายเทออกซิเจนได้สูงขึ้น หลังจากนั้นน้ำที่ได้รับการเติมอากาศแล้วจะเกิดการถ่ายเทของน้ำเคลื่อนที่ออกไปด้วยการผลักดันของซองน้ำ


เขื่อนดิน อ่างเก็บน้ำที่ไม่ใช้คอนกรีต

เขื่อนดินเป็นแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำผิวดินตามแนวพระราชดำริ ตัวเขื่อนนิยมก่อสร้างด้วยการถมดินและบดอัดจนแน่น สามารถส่งน้ำไปตามท่อส่งน้ำได้ เพื่อใช้ในการเกษตรและการอุปโภคบริโภค อีกทั้งยังใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำขนาดเล็กอย่างปลาและกุ้งน้ำจืดได้ นอกจากนี้เขื่อนดินยังเป็นปราการที่ไม่เพียงบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำหากแต่ยังป้องกันน้ำท่วมได้อีกด้วย ส่วนความจุของปริมาณขึ้นอยู่กับความสูงของเขื่อน

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรอ่างเก็บน้ำแต่ละแห่งก็จะทรงปล่อยลูกปลา ลูกกุ้งเพื่อพระราชทานแก่ราษฎรในบริเวณนั้นให้มีแหล่งอาหารสำหรับบริโภค ทั้งนี้มีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในลักษณะดังกล่าวทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก อาทิ อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ อ่างเก็บน้ำห้วยเดียก จ.สกลนคร อ่างเก็บน้ำห้วยซับตะเคียน จ.ลพบุรี อ่างเก็บน้ำคลองหลา จ.สงขลา รวมทั้งเขื่อนขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี คือ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ใน จ.ลพบุรี และ จ.สระบุรี ซึ่งเก็บน้ำได้มากถึง 960 ล้านลูกบาศก์เมตร


ไบโอดีเซล จากปาล์มประกอบอาหารสู่เชื้อเพลิงเครื่องยนต์

ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้นำทางด้านการพัฒนาพลังงานทดแทนผ่านโครงการส่วนพระองค์มาตั้งแต่ปี 2522 โดยมีโครงการผลิตแก๊สชีวภาพ เอทานอล แก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซลจากปาล์ม ซึ่งในส่วนของพระราชดำริด้านการพัฒนาน้ำมันปาล์มเพื่อใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลนั้น การพัฒนาไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มในชื่อ “การใช้น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล” ได้จดสิทธิบัตรที่กระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2544

อีกทั้งในปี 2546 ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลจาก “โครงการน้ำมันไบโอดีเซลสูตรสกัดจากน้ำมันปาล์ม” ในงาน “บรัสเซลส์ ยูเรกา” ซึ่งเป็นงานแสดงสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของโลกวิทยาศาสตร์ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ทั้งนี้ปาล์มเป็นพืชที่ให้ปริมาณน้ำมันต่อพื้นที่ปลูกสูง อีกทั้งเกษตรกรสามารถผลิตใช้เองได้ภายในประเทศ ซึ่งจะใช้ทดแทนการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศได้


แหลมผักเบี้ย-หนองหาร โครงการรักษ์สิ่งแวดล้อม

สิ่ง แวดล้อมเป็นอีกปัญหาที่ได้รับการแก้ไขด้วยโครงการพระราชดำริ โดยส่วนของโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยเป็นโครงการตาม แนวพระราชดำริในการบำบัดน้ำเสีย กำจัดขยะมูลฝอย และรักษาสภาพป่าชายเลน ทั้งนี้ แบ่งการบำบัดเป็น 2 ส่วนคือระบบบำบัดหลักและระบบบำบัดรอง สำหรับระบบบำบัดหลักนั้น ซึ่งมีบ่อสำหรับตกตะกอนและปรับสภาพน้ำเสียจำนวน 5 บ่อ โดยส่งน้ำเสียผ่านท่อไปยังบ่อบำบัดและในบ่อสุดท้ายจะมีคณะวิจัยตรวจสอบ คุณภาพน้ำก่อนส่งต่อ

ส่วนระบบบำบัดรองนั้นอาศัยการบำบัดโดยธรรมชาติ ประกอบด้วย
1.ระบบบึงชีวภาพ ซึ่งจะปลูกพืชที่สามารถเจริญได้ดีในน้ำขังเสีย ดูดซับสารพิษและสารอินทรีย์ได้ เช่น กก อ้อ เป็นต้น
2.ระบบกรองน้ำเสียด้วยหญ้า เช่น หญ้าเนเปีย หญ้าแฝก หญ้านวลน้อย หญ้ารูซี่ เป็นต้น โดยจะส่งน้ำเสียไปขังในแปลงหญ้าเป็นระยะ ๆ
3.ระบบกรองด้วยป่าชายเลน โดยในพื้นที่ป่าชายเลนจะปลูกโกงกาง แสมขาว เป็นต้น เพื่อให้มีสภาพใกล้เคียงธรรมชาติ น้ำที่ผ่านป่าชายเลนก็จะได้การบำบัดตามธรรมชาติ

นอก จากนี้ยังมีโครงการตามพระราชดำริเพื่อบำบัดน้ำเสียใน อ.เมือง จ.สกลนคร ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้วิจัยและพัฒนาระบบ บำบัดน้ำเสีย โดยได้ทรงทอดพระเนตรน้ำเสียบริเวณหนองสนม ข้างโรงงานผลิตน้ำประปา ซึ่งมีแนวทางแก้คือรวบรวมน้ำเสียมาระบายลงหนองหารเป็นจุดเดียวกัน เพื่อจัดทำโครงการบำบัดน้ำเสียโดยวิธีธรรมชาติรวมกับการใช้เทคโนโลยีแบบ ประหยัด

น้ำเสียจากตัวเมืองสกลนครจะถูกรวบรวมโดยระบบท่อส่งและผ่านการบำบัดให้ดีในระดับหนึ่ง ก่อนส่งต่อไปยังแปลงพืชน้ำบำบัดแล้วระบายลงสู่หนองหารต่อไป สำหรับพืชน้ำที่ใช้บำบัดน้ำเสีย ได้แก่ ธูปฤาษี กกเล็ก แพงพวยน้ำ บอน ผักตบชวา หญ้าปล้องละมาน เป็นต้น


แกล้งดิน เร่งกำมะถันทำปฏิกิริยา ไล่หน้าดินเปรี้ยว จาก ปัญหาดินเปรี้ยวในบริเวณป่าพรุที่ถูกน้ำท่วมในจังหวัดนราธิวาส เนื่องจากมีสารประกอบไพไรท์ซึ่งมีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำริให้ทดลอง “แกล้งดิน” ด้วยการทำให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไป เพื่อกระตุ้นให้สารไพไรท์ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนแล้วปลดปล่อยกำมะถันออกมา ทำให้ดินเปรี้ยวจัดจากนั้นปรับปรุงดินด้วยการใช้น้ำร่วมกับปูนมาร์ลหรือปูน ฝุ่นแล้วไถพลิกกลบดิน ความเป็นเบสของปูนจะทำให้ดินซึ่งเปรี้ยวจัดถูกกระตุ้นให้ “ช็อก” จึงปรับสภาพสู่สภาวะปกติ จนกระทั่งเพาะปลูกข้าวได้

การ ปรับพื้นที่และยกร่องก็เป็นวิธีระบายกรดบนหน้าดินอีกทางหนึ่ง ส่วนจะปลูกพืชชนิดใดนั้นต้องปรับพื้นที่ให้เหมาะสม เช่น หากจะปลูกข้าวต้องปรับดินให้ลาดเอียงเพื่อให้น้ำไหลออก หากจะปลูกผักหรือพืชไร่อื่นให้ยกร่องและทำคูเพื่อป้องกันน้ำท่วม นอกจากนี้ยังต้องใส่ปูนขาวเพื่อปรับให้ดินเป็นกลาง หรืออาจจะใช้น้ำจืดชะล้างก็ได้แต่ใช้เวลานาน


หญ้าแฝก รากฝังลึกอนุรักษ์หน้าดิน

ด้วยระบบรากของ “หญ้าแฝก” ที่ฝังลึกไปในดินตรง ๆ และแผ่กระจายเหมือนกำแพงจึงช่วยชะลอความเร็วของน้ำที่ไหลผ่านหน้าดิน ช่วยเก็บความชุ่มชื้นของดินไว้และป้องกันการพังทลายของหน้าดิน จึงมีการนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการอนุรักษ์ดิน เช่น ปลูกตามพื้นที่ลาดชันหรือบริเวณเขื่อนเพื่อป้องกันการกัดเซาะของหน้าดิน ปรับปรุงดินที่เสื่อมโทรม และยังใช้ปลูกป้องกันสารพิษปนเปื้อนลงแหล่งน้ำ เป็นต้น

ผล จากการดำเนินงานตามพระราชดำริในการศึกษาให้ทราบพันธุ์และหาวิธีปลูกหญ้าแฝก ที่เหมาะสมเพื่อเผยแพร่ในพื้นที่ ๆ ประสบปัญหาการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ทำให้สมาคมควบคุมการกัดเซาะผิวดินนานาชาติ(International Erosion Control Association: IECA) มีมติถวายรางวัล The International Erosion Control Association’s International Merit Award แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นแบบอย่างในการนำหญ้าแฝกมาใช้ อนุรักษ์ดินและน้ำ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2536

นอก จากนี้พระอัจฉริยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่คนในวงการ วิทยาศาสตร์ควรจะน้อมนำเป็นแบบอย่างและแนวทางเพื่อการพัฒนางานที่อยู่สู่การ พัฒนาประเทศ


ด้านสื่อสารอิเล็กโทรนิค

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับมา ประทับอยู่ในประเทศไทยเป็นการถาวร ในปี พ.ศ. 2495 พระองค์ได้ทรงตั้งสถานีวิทยุ อ.ส. ขึ้นที่พระราชวังสวนดุสิต และชื่อสถานีวิทยุดังกล่าวได้ทรงนำมาจากอักษรย่อของพระที่นั่งอัมพรสถาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ออกอากาศครั้งแรก ต่อมาจึงย้ายสถานีวิทยุ อ.ส. เข้าไปตั้งในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซต์สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

พระราชกรณียกิจในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้านการแพทย์




                       พระราชกรณียกิจในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้านการแพทย์










           ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรตามท้องที่ต่าง ๆ ทุกครั้ง จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีคณะแพทย์ที่ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาจากโรงพยาบาลต่าง ๆ และล้วนเป็นอาสาสมัครทั้งสิ้น โดยเสด็จพระราชดำเนินไปในขบวนอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยเวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ครบครัน พร้อมที่จะให้การรักษาพยาบาลราษฎร ผู้ป่วยไข้ได้ทันที

นอกจากนั้น ยังมีโครงการทันตกรรมพระราชทาน ซึ่งเป็นพระราชดำริที่ให้ทันตแพทย์อาสาสมัคร ได้เดินทางออกไปช่วยเหลือบำบัดโรคเกี่ยวกับฟัน ตลอดจนสอนการรักษาอนามัยของปากและฟัน แก่เด็กนักเรียนและราษฎรที่อาศัยอยู่ในท้องที่ทุรกันดาร และห่างไกลจากแพทย์ทั่วทุกภาค โดยให้การบริการรักษาโรคฟัน โดยไม่คิดมูลค่าในการแพทย์เคลื่อนที่

สำหรับการเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมวัดทุกแห่ง ซึ่งนับเป็นศูนย์กลางของชุมชนในชนบท โดยจะพระราชทานกล่องยาแก่วัด เพื่อพระภิกษุใช้เมื่อเกิดอาพาธ และเพื่อแจกจ่ายแก่ราษฎรผู้ป่วยเจ็บในหมู่บ้านนั้น ๆ ส่วนในการเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมหน่วยทหาร ตำรวจ และอาสาสมัคร ที่ออกไปตั้งฐานปฏิบัติการในท้องที่ทุรกันดาร ก็จะพระราชทานสิ่งของที่จำเป็นต่าง ๆ รวมทั้งยารักษาโรคสำหรับใช้ในหมู่เจ้าหน้าที่ และใช้ในการรักษาพยาบาล และเพื่อแจกจ่ายแก่ราษฎรในท้องที่ ที่มาขอความช่วยเหลือ อันจะทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม และประชาชนในพื้นที่ปฏิบัติการ ได้มีความเข้าใจอันดีต่อกัน รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ทางด้านหน่วยแพทย์หลวงที่จะต้องตามเสด็จพระราชดำเนินไป ณ ที่ประทับแรมทุกแห่งนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ให้การรักษาพยาบาลราษฎร ผู้มาขอรับการรักษา ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่ประการใด นอกจากนั้น หน่วยแพทย์หลวงยังจัดเจ้าหน้าที่ออกเดินทาง ไปรักษาราษฎรผู้ป่วยเจ็บ ตามหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไปอีกด้วย โดยได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นผู้แนะนำสถานที่และร่วมเดินทางไปด้วย สำหรับราษฎรผู้เจ็บป่วยรายที่มีอาการหนัก หรือจำเป็นที่จะต้องได้รับการตรวจรักษาเพิ่มเติมนั้น ก็จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จพระราชดำเนิน ทำการบันทึกรายชื่อ อาชีพ ที่อยู่ และอาการโดยละเอียด โดยตรวจสอบความถูกต้องกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และมีสำเนาให้รับทราบเพื่อติดต่อประสานงานต่อไป ในการพิจารณาส่งผู้ป่วยไปรับการรักษาต่อ ตามความเห็นของแพทย์ผู้ทำการตรวจ 

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Museum Trad



พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตจังหวัดตราด ตั้งอยู่บนถนนสันติสุข ต.บางพระ อ.เมือง จ.ตราด โดยตั้งอยู่ภายในศาลากลางหลังเก่า ซึ่งมีมนต์ขลังและประวัติ ศาสตร์ที่ยาวนาน ย้อนกลับไปถึงในรัชสมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6




โดยแต่เดิมนั้น อาคารหลังนี้ใช้เป็นสถานที่ราชการของจังหวัดตราด มีลักษณะเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง แต่ต่อมาเมื่อศูนย์ราชการได้ย้ายไปที่ทำการใหม่ อาคารหลังนี้ก็ถูก ปล่อยให้ว่างเปล่าเป็นเวลานานจนสภาพอาคารเสื่อมโทรมไปหมดทั้งหลัง




ต่อมากรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้ขึ้นทะเบียนศาลากลางจังหวัดตราดหลังเก่าให้เป็นโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ ๑๘ ธ.ค.๒๕๓๙ เล่มที่ ๑๑๓ ตอน พิเศษ ๕๐ง หน้า ๓ และเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๗ อาคารศาลากลางจังหวัดตราดหลังเก่าซึ่งเป็นโบราณสถาน ได้ถูกเพลิงไหม้เกือบทั้งหลังเหลือไว้แต่เสา โดยฝีมือของคน สติฟั่นเฟือนที่เข้ามาพักอาศัยหลับนอน




ปี พ.ศ.๒๕๔๘ ข้าราชการ ประชาชนชาวตราดได้ร่วมกันพิจารณาเห็นว่า น่าจะบูรณะอาคารศาลากลางจังหวัดตราด หลังเก่าที่ถูกไฟไหม้ขึ้นมาใหม่ ให้คงรูปแบบเดิมเพื่อจัดตั้งเป็น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวจังหวัดตราด โดยขอให้กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้ออกแบบ และประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งกรมศิลปากร ได้ดำเนินการบูรณะ ซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารหลังเก่าได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยเมื่อเดือนกันยายน ๒๕๔๙


Museum Trad



อาคารพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด (Trat Museum)




ตั้งอยู่ที่ถนนสันติสุข ตำบลบางพระ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2465 (สมัยรัชกาลที่ 6) เพื่อเป็นศาลากลางจังหวัดตราด ลักษณะเป็นอาคารสถาปัตยกรรมอาณานิคม สร้างเป็นเรือนไม้ เสาปูน ยกพื้น ใต้ถุนสูง หลังคาทรงปั้นหยา เมื่ออาคารชำรุดทรุดโทรมลงตามกาลเวลา กระทรวงมหาดไทยเกรงจะไม่ปลอดภัยต่อบุคลากรและผู้มาติดต่อราชการ จึงสร้างอาคารศาลากลางจังหวัดตราดขึ้นใหม่ กรมศิลปากรจึงขึ้นทะเบียนศาลากลางหลังเดิมให้เป็นโบราณสถานของชาติ

วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2547 อาคารหลังนี้ถูกไฟไหม้เสียหายเกือบทั้งหลัง ประชาชนและข้าราชการจังหวัดตราดเห็นควรบูรณะอาคารขึ้นใหม่ เพื่อจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถาน เทศบาลเมืองตราดจึงจัดสรรงบประมาณประจำปี 2548 เป็นเงิน 16,140,000 บาท เพื่อให้กรมศิลปากรดำเนินการบูรณะซ่อมแซมอาคารตามรูปแบบเดิมพร้อมปรับสภาพภูมิทัศน์ จนแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2549 หลังจากนั้นใน พ.ศ.2550 จังหวัดตราดขอความอนุเคราะห์กรมศิลปากรปรับปรุงอาคารแห่งนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจึงดำเนินการทางวิชาการและเทคนิคจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถาน ด้วยงบประมาณประจำปี 2553-2555 ของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เป็นเงิน 19,700,000 บาท

วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 กรมศิลปากรได้ส่งมอบพิพิธภัณฑสถานเมืองตราดให้เทศบาลเมืองตราดดำเนินการบริหารจัดการพิพิธภัณฑสถานแห่งนี้เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้มรดกวัฒนธรรม ธรรมชาติ และวิถีชีวิตเมืองตราด


ภายในอาคารพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด จัดแบ่งห้องแสดงภาพถ่ายเหตุการณ์และวัตถุโบราณออกเป็น 6 โซนด้วยกันคือ1. มรดกธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งชาติ
2. ผู้คนเมืองตราด
3. ลำดับทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์เมืองตราด
4. เหตุการณ์สำคัญในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
5. เหตุการยุทธนาวีเกาะช้าง
6. ตลาดเมืองตราด


วัน เวลา และการให้บริการ
♦ วันอังคาร - วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. - 16.00 น.
♦ วันเสาร์ - วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. - 16.30 น. (หยุดวันจันทร์)


อัตราค่าเข้าชม พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด 1. เด็ก ส่วนสูงเกินกว่า 100 เซนติเมตรขึ้นไป 5 บาท
2. ผู้ใหญ่ 10 บาท
3. เด็กต่างชาติ ส่วนสูงเกินกว่า 100 เซนติเมตรขึ้นไป 10 บาท
4. ผู้ใหญ่ต่างชาติ 30 บาท

Trat museum

Museum Trad

 


พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด
ถนนสันติสุข ต.บางพระ อ.เมือง จ.ตราด
เปิดวันอังคาร-วันศุกร์ ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. วันเสาร์-อาทิตย์ ๐๙.๓๐-๑๖. ๓๐ น. (ปิดวันจันทร์)
ไม่เก็บค่าเข้าชม
อนุญาตให้ถ่ายภาพ

Museum Trat The road to peace . Some of the district town . Trat . Open Tuesday - Friday 9:00 to 16:00 pm . Saturday - Sunday 09.30-16 . 30 hrs. ( Closed Mondays) . No admission fee Allow Shooting

Museum Trad


หัวข้อสุดท้าย คือ ตลาดเมืองตราด จำลองร้านรวงในขนาดและสภาพเหมือนจริง ผู้ชมชอบการถ่ายภาพหรือเยี่ยมชมของจริงอย่างใกล้ชิดสามารถกระทำได้เต็มที่ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์สำคัญของพิพิธภัณฑ์ในฐานะ “แหล่งเรียนรู้” ถึงมรดกวัฒนธรรมและวิถีชีวิตผู้อื่น โดยไม่ต้องคำนึงถึงมารยาทและความเกรงใจมากเท่าในโลกของความเป็นจริง ในสายตาของผู้เคยชมพิพิธภัณฑ์มามากแห่ง ที่นี่อาจไม่มีสิ่งโดดเด่นนัก แต่ในถิ่นที่พิพิธภัณฑ์ยังดูเป็นสถานที่ราชการและอาจเป็นเรื่องไกลตัว นับว่าน่าดีใจที่ในตอนสายๆ ของวันหยุดมีพ่อแม่ขี่จักรยานยนต์พาลูกมาเยี่ยมชมประปราย หากจะมีการจัดกิจกรรมต่อเนื่องให้ชาวตราดได้มีส่วนร่วมสม่ำเสมอ ที่นี่ก็น่าจะสร้างบรรยากาศของความเป็นมิตรและมีประโยชน์ต่อท้องถิ่นได้มากขึ้น

Museum Trad

หัวข้อที่สี่ว่าด้วย เหตุการณ์สำคัญในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะการจำลองฉากที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ พระราชทานพระแสงราชศัสตราประจำเมืองตราดในคราวเสด็จฯ เยือนครั้งที่ ๑๒ หลังจากฝรั่งเศสคืนเมืองตราดให้ไทย ต่อด้วย เหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง สร้างฉากให้ผู้เข้าชมรู้สึกว่ากำลังอยู่บนเรือรบลำหนึ่งในช่วงที่เกิดยุทธนาวีนั้น หากนั่งฟังเรื่องราวจากวีดิทัศน์อย่างสงบแล้วอาจเกิดความรู้สึกร่วมได้ไม่ยาก
The four topics Key events in the reign of King Rama V. Especially the scene where King Rama 5 Lgneklgaฯ foil sword Royal City Trad time has come. Visit to France after the 12th night of Trat to Thailand with the Battle of Ko Chang. Create a scene that visitors feel they are on a ship during a naval battle there. If you enjoy listening to stories from VHS peacefully and potential common sense is not difficult.

Museum Trad

ห้องแรกว่าด้วยมรดกธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งตราด มีโทรทัศน์ฉายสารคดีสั้น ๆ ดูและฟังพร้อมชมหุ่นจำลองเมืองตราดกลางห้องได้ หัวข้อถัดมาคือ ผู้คนเมืองตราด มีหุ่นพ่อค้าแม่ค้าและชนกลุ่มต่างๆ พอเป็นฉากถ่ายรูปสนุกตามสมัยนิยม หัวข้อที่สามว่าด้วย ลำดับทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์เมืองตราด นำวัตถุโบราณมาจัดแสดงเป็นตัวอย่าง ราวภาคบังคับ ที่น่าสนใจคือกลองมโหระทึกจำลองประกอบเรื่องเล่าว่าของจริงมีชาวตราดขุดพบและตั้งศาลเซ่นสรวงบูชาทุกปี ณ ตำแหน่งใกล้เคียงกับที่พบนั้น

Museum Trat

   เหตุการณ์ครั้งนั้นนำมาสู่แนวคิดสร้างอาคารขึ้นใหม่ด้วยรูปลักษณ์เดิม โดยกรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบและดำเนินการด้วยงบประมาณราว ๑๖ ล้านบาท แล้วเสร็จในเดือนกันยายน ๒๕๔๙ ต่อมากระทรวงวัฒนธรรมตั้งงบประมาณให้กรมศิลปากรจัดทำพิพิธภัณฑ์ แล้วส่งมอบให้เทศบาลเมืองตราด ดำเนินการบริหารจัดการ หลังจากมีผู้มาเยือนล้นหลามในวันเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ราวหนึ่งเดือนหลังจากนั้น สถานที่นี้ก็ยังดูเงียบเหงา ชาวเมืองตราดส่วนใหญ่ยังไม่รับรู้นักว่ามีพิพิธภัณฑ์พร้อมชม บางคนยืนยันว่าพิพิธภัณฑ์มีตามวัดเท่านั้น กอปรกับลักษณะของอาคารไม้ใต้ถุนสูงหลังยาวที่อยู่ในรั้วล้อม ดูน่าเกรงขามจนอาจไม่กล้ามาเยือน

   ขั้นบันไดกลางค่อนข้างสูงชันกำหนดให้นำทางสู่ประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ทางด้านขวาก็จะพบส่วนต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่หลังเคาน์เตอร์ซึ่งให้ข้อมูลต่าง ๆ ยังไม่คล่องนัก จากนั้นจะเข้าสู่ห้องจัดแสดงที่กำหนดไว้ ๖ หัวข้อ อ่านหน้าต่อไปนะค่ะ ที่เป็นหัวข้อ

Museum Trat

      ก่อนสงกรานต์ปี ๒๕๔๗ ไม่กี่วัน เกิดไฟไหม้ศาลากลางจังหวัดตราดหลังเก่าที่สร้างขึ้นในปลายรัชกาลที่ ๖ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานไว้ตั้งแต่ปลายปี ๒๕๓๙ ชาวตราดเล่าถึงเหตุการณ์ช่วงนั้นว่า เมื่อศาลากลางย้ายที่ทำการไปยังตึกใหม่อีกมุมหนึ่งของสนามหลวง (สนามหน้าศาลาว่าการเมือง) ศาลากลางไม้หลังเดิมก็ทรุดโทรมจนเกือบร้าง ทั้งบริเวณที่ตั้งห่างไกลจากย่านชุมชน เมื่อมีคนฟั่นเฟือนเข้ามาใช้เป็นที่หลับนอนแล้วเกิดจุดไฟขึ้น จึงเกิดเพลิงไหม้วอดวายสิ้น

Before April 2547, a few days after the fire, Trad old town hall, built in the reign of the sixth, which is registered as a historic site since the end of 2539, the period that the events recounted Trat. When the capitol moved to a new building another corner of the plaza. (Front of City Hall), the old wooden hall was dilapidated and almost deserted. The area is located far from urban neighborhoods. When a person is unfit to take a nap, then lit up. The fire destroyed the

Museum Trat


   






- เปิดพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ให้เป็นแหล่งพิพิธภัณฑสถานประจำเมือง และเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ส่งเสริม เผยแพร่มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ

วันนี้ (26 พ.ค.) นายสุระ เตชะทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดพิพิธภัณฑสถานเมืองตราดจังหวัดตราด และพิธีส่งมอบพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ให้เป็นพิพิธภัณฑสถานประจำเมือง และเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ส่งเสริม เผยแพร่มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยมีนายธีระ สลักเพชร ส.ส.ตราด อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้ผลักดันให้มีการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว น.ส.เบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด นายวิเชียร ทรัพย์เจริญ นายก อบจ.ตราด นายชนินท์ สุทธิวารี นายกเทศมนตรีเมืองตราด และประชาชนกว่า 300 คน ร่วมในพิธี
โดยนายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวว่า อาคารพิพิธภัณฑ์จังหวัดตราด คืออาคารศาลากลางหลังเก่า ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2465 ในสมัยรัชกาลที่ 6 และกรมศิลปากรได้ประกาศให้เป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2539
ต่อมา อาคารได้ถูกไฟไหม้เสียหายเกือบทั้งหลัง และในปี 2543 ประชาชน และหน่วยงานราชการต่างๆ ของ จ.ตราด ได้เห็นควรที่จะสร้างอาคารขึ้นมาใหม่ และใช้เป็นพิพิธภัณฑสถาน ซึ่งเทศบาลเมืองตราด ได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 16.14 ล้านบาท ให้กรมศิลปากรดำเนินการ และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2549
และในระหว่างปี 2553-2555 นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ขณะนั้น ได้ตั้งงบประมาณให้กรมศิลปากร ดำเนินการงานทางวิชาการ และเทคนิคการแสดงภายใน กระทั่งในวันที่ 26 พฤษภาคม 2556 ได้ส่งมอบพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ให้เทศบาลเมืองตราด ดำเนินการบริหารจัดการ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้มรดกทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ และวิถีชีวิตเมืองตราดต่อไป
สำหรับพิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ตั้งอยู่ที่ถนนสันติสุข อำเภอเมือง จังหวัดตราด มีพื้นที่ใช้สอย 793 ตารางเมตร ห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวร แบ่งออกเป็น 6 หัวข้อประกอบด้วย 1) มรดกธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งตราด 2) ผู้คนเมืองตราด 3) ลำดับทางโบราณตดีและประวัติศาสตร์เมืองตราด 4) เหตุการณ์สำคัญในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 5) เหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง และ 6) ตลาดเมืองตราด

เปิดให้เข้าชมในวันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.30-16.30 น. หยุดวันจันทร์ 1 วัน

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

GFriend;

                         เราจะมาติดตาม วงน้องใหม่กันน่ะ นั้นก็คือวง จี-เฟรนด์ (อังกฤษGFriendฮันกุล: 여자친구) ชื่อในภาษาเกาหลี ยอจาชินกู แปลว่าว่า "แฟนสาว" เป็นเกิร์ลกรุ๊ป 6 คนของค่าย Source Music ในแนวเค-ป๊อปและป๊อปแดนซ์ ได้เดบิวต์ในเดือนมกราคม 2558 [1] กับเพลง EP "Season of Glass".[2]อย่างลืมติดตามกันน่ะ

พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด

สมาชิกกลุ่ม
ด.ญ.นุชนาถ ชาติกุล
ด.ญ.ปัทมา วงษ์ทอง
ด.ช.ศุภวิชญ์ อรุณสิกขพันธ์
ด.ญ.วนิฌา สาริกาแก้ว
ด.ญ.วิภาดา สร้างสม
พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด ตั้งอยู่ที่ถนนสันติสุข อำเภอเมือง จังหวัดตราด พิพิธภัณฑสถานประจำเมืองแห่งนี้ใช้อาคารศาลากลาง จังหวัดหลังเดิมเป็นพิพิธภัณฑ์ฯ เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตเมืองตราด รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ส่งเสริม เผยแพร่มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติและเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางด้านวัฒนธรรม  โดยแต่เดิมอาคารหลังนี้ใช้เป็นสถานที่ราชการ ของจังหวัดตราด มีลักษณะเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง แต่ต่อมาเมื่อศูนย์ราชการได้ย้ายไปที่ทำการใหม่ อาคารหลังนี้ก็ถูก ปล่อยให้ว่างเปล่าเป็นเวลานานจนสภาพอาคารเสื่อมโทรมไปหมดทั้งหลัง ต่อมากรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้ขึ้นทะเบียนศาลากลาง จังหวัดตราดหลังเก่าให้เป็นโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ ๑๘ ธ.ค.๒๕๓๙ เล่มที่ ๑๑๓ ตอน พิเศษ ๕๐ง หน้า ๓ และเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๗ อาคารศาลากลางจังหวัดตราดหลังเก่าซึ่งเป็นโบราณสถาน ได้ถูกเพลิงไหม้เกือบทั้งหลังเหลือไว้แต่เสา โดยฝีมือของคน สติฟั่นเฟือนที่เข้ามาพักอาศัยหลับนอน   ปี พ.ศ.๒๕๔๘ ข้าราชการ ประชาชนชาวตราดได้ร่วมกันพิจารณาเห็นว่า น่าจะบูรณะอาคารศาลากลางจังหวัดตราด หลังเก่าที่ถูกไฟไหม้ขึ้นมาใหม่ ให้คงรูปแบบเดิมเพื่อจัดตั้งเป็น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวจังหวัดตราด โดยขอให้กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้ออกแบบ และประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งกรมศิลปากร ได้ดำเนินการบูรณะ ซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารหลังเก่าได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยเมื่อเดือนกันยายน ๒๕๔๙ 
ภายในห้องนิทรรศการประกอบด้วย 6 หัวข้อ ได้แก่

1) มรดกธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งตราด ห้องแรกมรดกธรรมชาติและวัฒนธรรม
2) ผู้คนเมืองตราด จัดแสดงเรื่องภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมและกลุ่มชาติพันธุ์
3) ลำดับทางโบราณตดีและประวัติศาสตร์เมืองตราด  จัดแสดงเรื่องราวของจังหวัดนับแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์และต้นสมัยประวัติศาสตร์ สุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ ช่วงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
4) เหตุการณ์สำคัญในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เหตุการณ์สำคัญในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อาทิ การพระราชทานพระแสงราชศาสตราประจำเมือง การเสด็จประพาสเมืองตราด ฯลฯ
5) เหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง เหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง จัดแสดงเรื่องราวตามลำดับเหตุการณ์ยุทธนาวีเกาะช้าง รูปแบบเรือรบของทางไทยและฝรั่งเศส  บรรยากาศตลาดเมืองตราด
6) ตลาดเมืองตราด บรรยากาศตลาดเมืองตราด จัดแสดงเรื่องราวการค้าในตลาดเก่าวันวานและสภาพปัจจุบัน
นอกเหนือจากนิทรรศการ อาคารของพิพิธภัณฑ์ฯ ยังมีความโดดเด่นชวนศึกษาโดยได้รักษาสถาปัตยกรรมรูปแบบเดิมที่สร้างขึ้นนับแต่พุทธศักราช 2465 ไว้ ลักษณะอาคารเป็นเรือนไม้ เสาปูน ยกพื้นใต้ถุนสูง หลังคาทรงปั้นหยา ฯลฯ

พิพิธภัณฑสถานเมืองตราด เปิดให้เข้าชมในวันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.30-16.30 น. หยุดวันจันทร์ 1 วัน  เสียค่าเข้าชมคนละ 10 บาท 






วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

dreom

                                                                     อาชีพครู
       เป็นความฝันของฉันเลยนะ เพราะ ฉันอยากสอนนักเรียน หรือ สอนเด็กๆ ฉันฝันอยากเป็น คุณครูสอนสังคม หรือ ประวัติศาสตร์ ฉันจะทำให้ได้  เพราะนี้คือความฝันของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยให้มันไป
             It is my dream because I want to teach my students and my dream is to teach children. Teacher or social history I would have Because this is my dream. I will not let it go.

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

monsta x

สวัดดีจ้า วันนี้อยากมาอับเดด วงน้องใหม่ monsta x รองมาอ่านประวัติของ monsta x กันนะค่ะ
      มอนสต้า เอ็กซ์ (อังกฤษ: Monsta X; เกาหลี: 몬스타엑스) เป็นวงฮิปฮอปบอยแบนด์สัญชาติเกาหลีใต้ในสังกัด Starship Entertainment เริ่มกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2558 หลังจากที่สมาชิกทั้งเจ็ดคนชนะในรายการเซอร์ไวเวอร์ที่ชื่อว่า ‘NO.MERCY’ (노머시) และเพลงเปิดตัวคือ TRESPASS โดยชื่อวง Monsta X มาจาก 'Mon' ที่เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า 'ของฉัน' (My) Monsta ก็มีความหมายว่า 'ดาวดาวของฉัน' (My star) และ 'X' เป็นตัวแทนของความลึกลับ ตัวแปรที่ไม่อาจหาค่าได้ อีกทั้งมีความหมายว่า สัตว์ประหลาด (Monster) สุดร้อนแรงที่เตรียมผงาดยึดครองวงการเพลงเคป็อบชื่อแฟนคลับคือ Monbebe (เกาหลี몬베베) ประกาศชื่อแฟนคลับอย่างเป็นทางการวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 โดย 'Mon' เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า 'ของฉัน' และ 'Bebe' มาจาก 'Baby' ที่แปลว่า 'เด็กน้อย' รวมแล้วมีความหมายว่า 'เด็กน้อยของฉัน' รองติดตามกันดูนะค่ะ

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559

ตำนานป่า รีสอร์ท



ตำนานป่า มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในเรื่องของร้านอาหารที่มีการตกแต่งสถานที่ให้ราวกับอยู่ในป่าธรรมชาติ ในพื้นที่ใกล้ๆ กันยังมีรีสอร์ท ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน มากไปกว่านั้น มีสวนน้ำที่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับทุกคนในครอบครัว
ตำนานป่า รีสอร์ท ตั้งอยู่ใกล้ถนนสุขุมวิท ก่อนถึงบ้านเพ ไม่ได้ติดทะเล แต่ก็สามารถขับรถไปหาดแม่รำพึงได้อีกไม่ไกลนัก ตัวรีสอร์ท อยู่ในพื้นที่อันกว้างใหญ่ของอาณาจักรตำนานป่า ที่มีความโดดเด่นเรื่อง การจัดแต่งสถานที่ให้เหมือนอยู่ในป่าธรรมชาติ โดยเฉพาะห้องน้ำที่มีความสวยงามแปลกตา ไม่เหมือนที่ไหนๆ นอกจากนี้บริเวณใกล้กัน ยังมีสวนน้ำที่ทำให้เด็กๆ เล่นได้ทั้งวันไม่เบื่อ
ส่วนของรีสอร์ทอยู่ใกล้สระน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นสถานที่พักผ่่อน และทำกิจกรรมได้หลากหลาย ห้องพักในรีสอร์ทมีมากกว่า 50 ห้อง และยังคงเอกลักษณ์ของตำนานป่า ที่ใช้วัสดุตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ไม้แทบทุกส่วน ห้องพักมีให้เลือกทั้งแบบห้องเตียงเดี่ยว เตียงคู่ ภายในห้องมีพื้นที่กว้างขวาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก แอร์ ทีวี ตู้เย็น และเครื่องทำน้ำอุ่น มีห้องพักที่อยู่ริมน้ำที่ทำจากไม้สักทั้งหลัง และบ้านลอยน้ำหลังใหญ่ ที่ได้บรรยากาศกลางน้ำ
กิจกรรมภายในรีสอร์ทมีให้เลือกมากมาย ไฮไลท์คือสระน้ำเกลือขนาดใหญ่ ทำเป็นสวนน้ำสไตล์ตำนานป่า มีสไลเดอร์ที่ถูกใจเด็กๆ มีการจัดแต่งให้เป็นน้ำตกบ้าง ถ้ำบ้าง ส่วนนี้ถือเป็นจุดที่ถูกใจเด็กๆ มากเป็นพิเศษ กิจกรรมทางน้ำชนิดอื่นๆ ก็มีสวนสนุกกลางน้ำ เรือพาย เรือถีบ หรือจะปั่นจักรยานชมรอบๆ รีสอร์ทก็ทำได้ นอกจากนี้ การให้บริการของตำนานป่า ยังมีห้องประชุม ให้บริการนวด และทำเล็บ
ราคา ห้องพัก 2,000 - 5,000 บาท/คืน พักได้ 2 คน (รวมอาหารเช้า)ราคา บ้านพักกลางน้ำ 10,000 บาท/คืนเช็คอิน 12.30 น. เช็คเอ๊าท์ 12.00 น.
การเดินทางห่างจากตัวเมืองระยอง 17 กิโลเมตรห่างจากหาดแม่รำพึง 5 กิโลเมตรห่างจากสถานีแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง 7 กิโลเมตร
- เส้นสุขุมวิท จากตัวเมืองระยองไปแกลง ผ่านตลาดสุรชัยบ้านเพ- ชิดขวาเพื่อเลี้ยวขวาตรงยูเทิร์น มีป้ายทางเข้าตำนานป่า เข้าไปประมาณ 500 เมตร ตำนานป่ารีสอร์ท อยู่ทางขวามือ
ที่อยู่:  167/6 หมู่ 7 ถนนสุขุมวิท กม. 236 ซอยวัดในไร่ ตำบลบ้านเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง 21160เบอร์โทรศัพท์:  038-928-222, 08-1659-5405เว็บไซต์:  เว็บไซต์ที่พัก

หาดจอมเทียน


หาดจอมเทียน
      หาดจอมเทียน เป็นหาดที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศนิยมเดินทางไปพักผ่อน เล่นน้ำ และกิจกรรมกีฬาทางน้ำ หาดวงพระจันทร์ อยู่ทาง ด้านทิศเหนือของอ่าวพัทยา ชายหาดมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ เป็นหาดที่เงียบสงบ เหมาะที่จะเล่นน้ำและพักผ่อน หากคุณมีโอกาสมาเยือนจังหวัดชลบุรี แน่นอนว่าคุณจะ "หาดจอมเทียน" เป็นหาดทรายสวยงามทอดตัวเป็นแนวยาว อยู่ห่างจากพัทยาใต้ 4 กิโลเมตร ตามถนนเลียบ ชายหาดหรือแยกขวาจากถนนสุขุมวิท ตรงกิโลเมตรที่ 150.5 เข้าไปอีก 2 กิโลเมตร 

      โดยรถส่วนตัว - จากกรุงเทพ ฯ สามารถเดินทางไปจังหวัดชลบุรีได้ 4 เส้นทาง 
      - ใช้เส้นทางสายบางนา-ตราด ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
      - ใช้เส้นทางสายกรุงเทพฯ-มีนบุรี ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา-บางปะกง เข้าสู่จังหวัดชลบุรี
      - ใช้เส้นทางสายเก่า ถนนสุขุมวิท ทางหลวงหมายเลข 3 ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ ไปจนถึ
งแยกอำเภอบางปะกง และให้แยกเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 34 ไปจนถึง จังหวัดชลบุรี
      - ใช้เส้นทางหลวงพิเศษ (MOTOR WAY) สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา 

      รถโดยสารประจำทาง - ขึ้นรถจากสถานีเอกมัย มีทั้งรถโดยสารแบบธรรมดา และรถโดยสายปรับอากาศ 


      รถไฟ - จากสถานีรถไฟกรุงเทพมีบริการเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ - พลูตาหลวง - กรุงเทพฯ ผ่านสถานีรถไฟพัทยาเฉพาะวันจันทร์ - ศุกร์วันละ 1 เที่ยว คือ รถไฟ ขบวนที่ 283 เริ่มจากสถานีรถไฟกรุงเทพเที่ยวกำหนดเวลา 06.55 จะถึง สถานีรถไฟพัทยาช่วงเวลาประมาณ 10.35 น. หรืออาจไปลงที่ป้ายหยุดรถไฟพัทยาใต้ ช่วง ประมาณเวลา 10.40 น. 

      ในช่วงขากลับจะมีรถไฟขบวนที่ 284 ขึ้นจากป้ายหยุดรถไฟพัทยาใต้เที่ยวกำหนดเวลา 14.14 น. หรือขึ้นที่สถานีรถไฟพัทยาเที่ยวกำหนดเวลา 14.21 น. จะถึงสถานี รถไฟกรุงเทพประมาณเวลา 18.25 น. 


ข้อมูลโดย : กรมการท่องเที่ยว

เกาะสมุย


เกาะสมุย

เกาะสมุย เป็นเกาะที่อยู่กลางอ่าวไทยโดยเป็นอำเภอๆ หนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดิมมีชื่อเสียงในฐานะแหล่งปลูกมะพร้าว แต่ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นสถานที่ตากอากาศที่มีร้านค้า โรงแรม และสถานบันเทิงมากมาย โดยเกาะสมุยนั้นมีเนื้อที่ทั้งหมด 247 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ 1 ใน 3 ของเกาะเป็นที่ราบแล้วล้อมรอบด้วยภูเขา ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบมรสุมเขตร้อน มี 3 ฤดู คือ ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ฤดูหนาวเริ่มเดือนพฤศจิกายน-มกราคม เป็นช่วงที่มีลมมรสุม และฤดูร้อนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ซึ่งคลื่นลมสงบ



วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

เกาะช้าง

เกาะช้าง หรือ อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะช้าง


เกาะช้าง เป็นเกาะที่ใหญ่สมชื่อจริงๆ เกาะช้างมีพื้นที่กว่า 268,125 ไร่ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะทะเลอ่าวไทยและใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากภูเก็ต เกาะช้างที่ผมพูดถึงคือ เกาะช้าง เกาะช้าง ตั้งอยู่ในเขตแหลมงอบ จ.ตราด นะครับ ไม่ใช่ เกาะช้างที่อยู่ทะเลอันดามัน จ.ระนอง (ระวังจะสับสน)

เกาะช้าง ประกอบด้วย 8 หมู่บ้าน คือ สลักเพชร สลักคอก เจ้กแบ้ บ้านด่านใหม่ คลองสน คลองพร้าว คลองนนทรี และบ้านบางเบ้า มีสถาที่ราชการ อำเภอ สถานีตำรวจ โรงพยาบาล และเป็นที่ตั้งอุทยานฯหมู่เกาะช้างอีกด้วย ภายในเกาะจะเป็นสวนยางพารา และผลไม้

ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเขาสูงมีผาหินสลับซับซ้อน ยอดเขาที่สูงที่สุด ได้แก่เขาสลักเพชร มีสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขา ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เกิดน้ำตก ลำธารหลายสาย ชายหาดสวย มีอยู่มากมาย ตามชายฝั่งตะวันตก ที่ดังๆ หน่อยก็ได้แก่ หาดทรายขาว หาดคลองพร้าว หาดไก่แบ้ ทั้งสามหาดมี รีสอร์ทตั้งอยู่เรียงรายริมหาดมากมาย ตั้งแต่ ราคา หลังละ 200 กว่า บาท ถึง 5,000 บาท ขึ้นไป นอกจากนี้บริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ยังมีเกาะเล็กๆ รายล้อม อันได้แก่ เกาะคลุ้มเกาะเหลายา เกาะง่าม เกาะไม้ชี้ใหญ่ เกาะหวาย เกาะกระ เการัง เกาะมันนอก เกาะมันใน เกาะกระดาด เกาะหมาก เกาะขาม ฯลฯ ส่วนใหญ่ช่วงเทศกาล เกาะเล็กเกาะน้อยเหล่านี้มัก เสนอแต่แพคเก็จทัวร์ ปัจจุบันมีทัวร์รูปแบบต่างๆ มากมายนอกจากการเล่นน้ำทะเลเที่ยวเกาะ เช่น ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ขี่ช้างท่องไพร ล่องเรือ ตกปลา ไดหมึก หรือพักโฮมสเตย์กับหมู่บ้านชาวประมง

ท่องเที่ยวเกาหลี

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและการเดินทางในเกาหลีใต้

SEOUL 
กรุงโซล (เซอูล) เมืองหลวงของเกาหลีใต้อายุมากกว่า 600 ปี ที่อนุรักษ์ความเก่าแก่โบราณให้กลมกลืนกับความทันสมัย ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ถูกโอบร้อมด้วยภูเขาและมีแม่น้ำฮันคัง สายโลหิตของชาวเมือง ไหลผ่านใจกลางเมืองและสวรรค์สำหรับนักช้อปปิ้ง มีประชากรราว 14 ล้านคน 



1. Gyeongbokgung Palace 
พระราชวังเคียงบ๊อก ของเกาหลีเป็นพิพิธภัณท์พื้นบ้าน แวะผ่านชมบ้านประธานาธิบดี พระราชวังเคียงบ๊อก สร้างขึ้นในปี ค. ศ. 1394 สมัยราชวงศ์โซซอน เป็นศูนย์บัญชาการและที่ประทับของกษัตริย์ เมื่อสมัย 600 ปีก่อน เยี่ยมชมท้องพระโรง พลับพลากลางน้ำ ภายในพระราชวังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ที่จำลองชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมของชนชาติเกาหลี ในอดีตตลอดจนผ่านชมทำเนียบและบ้านประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนปัจจุบัน 


2. Seoul Tower (Cable car + Lift)
สวนสาธารณะนัมซานและหอคอยกรุงโซล นั่งกระเช้าไฟฟ้าสู่สวนสาธารณะนัมซานซึ่งตั้งอยู่บนเขานัมซานใจกลางเมืองหลวง ชมทัศนียภาพอันงดงามของกรุงโซล บนหอคอยกรุงโซล 1 ใน 10 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลก สูงถึง 480 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล 

ทัศนศึกษา

พวกเราได้ไปเที่ยว ที่ชลบุรี ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ พวกเราได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ไปหลายๆที่
พวกเรามีความสูขมากเลย  ได้เจอเพื่อนๆหลายคน ได้เจอชาวต่างชาติ

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

กีฬาสี

วันกีฬาสี มีการแข่งขันมากมาย ฉันดีใจที่ได้มีกีฬาสี   ฉันได้แต่งตัวสวย

ได้อยู่กับเพื่อนที่ฉันรัก